tag:blogger.com,1999:blog-43097164803941984902024-03-19T01:48:29.788-07:00ศรช. วัดบางประทุนนอกIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.comBlogger303125tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-16550947357749007052014-01-21T07:52:00.000-08:002014-01-21T07:52:11.952-08:00นักศึกษาที่หมดสิทธิ์สอบ 2/2556รายชื่อนักศึกษาที่หมดสิทธิ์สอบ ภาคเรียนที่ 2/2556<br />
กศน. วัดบางประทุนนอก ระดับม.ต้น<br />
1. 5422-00010-6 นาย ธานินทร์ ขันทอง<br />
2. 5412-20024-9 นายฉัตรชัย นวลวิลัย<br />
3. 5512-20001-6 นางสาวธรณ์ธันย์ คำยวง (ติดต่ออ. อิงอร ด่วน)<br />
4. 5612-20018-5 นายเกื้อกูล แซ่หว่อง (ติดต่ออ. อิงอร ด่วน)<br />
5. 5612-20019-4 นายอินทัช แซ่หว่อง (ติดต่ออ. อิงอร ด่วน)<br />
6. 5612-20022-4 นางสาวอมรรัตน์ ปกครอง<br />
7. 5622-20001-6 นายสรดิส บูลานาผาย<br />
8. 5622-20002-5 นายพรประสิทธิ์ ธรรมรักษ์<br />
9. 5622-20009-8 นางสาวอธิติยา เกสรสมบัติ<br />
10. 5622-20010-0 นาวสาวธมนวรรณ มีแก้วกุญชร<br />
11. 5622-20004-3 นางสาวมัณลิกา บุญบัวทอง<br />
12. 5612-20004-6 นายเอกลักษณ์ ทรัพย์ไทย<br />
<br />
รายชื่อนักศึกษาที่หมดสิทธิ์สอบ ภาคเรียนที่ 2/2556<br />
กศน. วัดบางประทุนนอก ระดับม.ปลาย<br />
1. 5622-20002-8 นายศิวพงศ์ ช่างทอง<br />
2. 5623-20005-5 นายเกียรติศักดิ์ สำริด<br />
3. 5623-20007-3 นางสาว ช่อแก้ว ป้อมจันทร์<br />
4. 5623-20010-3 นายชลันธร เอี่ยมวัฒนาสภาพร<br />
5. 5623-20011-2 นายกฤษฎา น้อยอนันต์<br />
6. 5623-20013-0 นายอิทธิ พิเศษIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-73538214122658150522014-01-16T08:01:00.003-08:002014-01-16T08:01:49.517-08:00แนวข้อสอบ วิทยาศาสตร์แนวข้อสอบ วิทยาศาสตร์<br />
ระบบสุริยะ มีดาวดวงใดเป็นศูนย์กลาง<br />
ก. ดวงจันทร์ <span style="color: blue;">ข. ดวงอาทิตย์</span> ค. ดาวพุธ ง. โลก<br />
<br />
ข้อใดไม่ใช่ดาวเคราะห์ (ดาวที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง)<br />
ก. ดาวพุธ ข. ดาวเหนือ ค. โลก <span style="color: blue;">ง. ดาวหาง </span><br />
<br />
ดาวเคราะห์ดวงใดมีขนาดใหญ่ที่สุด<br />
ก. เสาร์ <span style="color: blue;">ข. พฤหัส</span> ค. เนปจูน ง. โลก<br />
<br />
สิ่งใดไม่ใช่บริวารของดวงอาทิตย์<br />
ก. ดาวพฤหัส ข. ดาวเคราะห์น้อย ค. โลก ง. <span style="color: blue;">กาแล็กซี </span><br />
<br />
ความสัมพันธ์ในข้อใดไม่ถูกต้อง<br />
ก. ดาวพฤหัสบดี – ราชาแห่งเทพเจ้า<br />
ข. ดาวเสาร์ - เทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก<br />
ค. ดาวยูเรนัส – เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า<br />
<span style="color: blue;">ง. ดาวเนปจูน - เทพเจ้าแห่งนรก </span><br />
<br />
ดาวดวงใดที่เชื่อว่าน่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่<br />
ก. ดวงอาทิตย์ <span style="color: blue;">ข. ดาวอังคาร</span> ค. ดาวพฤหัสบดี<br />
<br />
ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับอุกกาบาต<br />
ก. เกิดจากวัตถุแข็งจำพวกโลหะ<br />
ข. ดาวตกหรือผีพุ่งใต้<br />
ค. เกิดจากหินขนาดเล็กที่ล่องลอยอยู่ในอวกาศ<br />
<span style="color: blue;">ง. ถูกทุกข้อ </span><br />
<br />
อะไรใหญ่ที่สุดในอวกาศ?<br />
<span style="color: blue;">เอกภพ</span> กาแล็กซี่ เนบิวล่า<br />
<br />
โลกมีอะไรในอากาศเป็นส่วนใหญ่?<br />
<span style="color: blue;">ก. ไนโตรเจน</span> ข. ออกซิเจน ค. คาร์บอนไดออกไซด์<br />
<br />
ก๊าซอะไรที่สำคัญที่สุดในกระบวนการหายใจ?<br />
<span style="color: blue;">ก. ออกซิเจน </span> ข. คาร์บอนไดออกไซด์<br />
ค. ไนโตรเจน ง. ไฮโดรเจน<br />
<br />
ก๊าซอะไรที่สำคัญที่สุดในกระบวนการหายใจ สังเคราะห์แสงของพืช?<br />
ก. ออกซิเจน<span style="color: blue;"> </span> <span style="color: blue;">ข. คาร์บอนไดออกไซด์ </span><br />
ค. ไนโตรเจน ง. ไฮโดรเจน<br />
<br />
ปฏิกิริยาของดวงอาทิตย์เรียกว่า?<br />
ก. ฟิชชั่น ปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เป็นผลจากการแตกตัวของนิวเคลียสของธาตุหนัก<br />
<span style="color: blue;">ข. ฟิวชั่น ปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เป็นผลจากการรวมตัวของนิวเคลียสของธาตุเบา</span><br />
<br />
ข้อใดถูกต้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในระบบนิเวศ<br />
<span style="color: blue;">ก. ห่วงโซ่อาหาร จะเริ่มต้นที่ผู้ผลิต และสิ้นสุดที่ผู้ย่อยสลายอินทรียสาร </span><br />
ข. เห็ดสามารถดำรงชีวิตเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ย่อยสลายอินทรียสาร<br />
ค. พลังงานจะถ่ายทอดไปยังผู้บริโภคลำดับถัดไป 90 % ส่วนพลังงานอีก 10 % จะถูกใช้ในกระบวนการดำรงชีวิต<br />
ง. สารพิษจะถูกถ่ายทอดไปกับโซ่อาหาร โดยจะมีปริมาณลดลงตามลำดับ<br />
<br />
ข้อใดไม่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก<br />
ก. แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นสาเหตุหลักทำให้โลกร้อน<br />
<span style="color: blue;">ข. ปรากฏการณ์เรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิของโลกเหมาะสมในการดำรงชีวิต </span><br />
ค. สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน เป็นสาเหตุสำคัญในการทำลายโอโซน<br />
ง. รังสีอัลตราไวโอเลต ชนิด UVA มีพลังงานสูง ทำให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนัง<br />
<br />
ข้อใดคือเซรุ่ม<br />
ก. ผลิตจากเชื้อโรคที่ตายแล้วหรืออ่อนกำลัง<br />
ข. ฉีดเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีใช้เวลา 4 – 7 วัน<br />
<span style="color: blue;">ค. ผลิตได้จากแอนติบอดีโดยตรง เพื่อฉีดให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันทันที เช่นเซรุมรักษาพิษจากงู</span><br />
ง. ต้องฉีดเข้าไปล่วงหน้าก่อนที่จะเป็นโรค เช่น เซรุ่มพิษงู<br />
<br />
ข้อใดคือวิธีการพันธุวิศวกรรม<br />
<span style="color: blue;">ก. การตัดต่อยีนจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งไปเชื่อมกับอีกสิ่งมีชีวิตหนึ่ง </span><br />
ข. การฉายรังสีแกมมากับเนื้อเยื่อจากเหง้าของต้นพุทธรักษา<br />
ค. การคัดเลือกพันธุ์สุนัข<br />
ง. การนำนิวเคลียสของเซลล์ร่างกายใส่เข้าไปในเซลล์ไข่ที่ถูกดูดนิวเคลียสออก<br />
<br />
ทรัพยากรธรรมชาติที่สร้างทดแทนขึ้นใหม่ได้<br />
ก. อากาศ,แสง<br />
<span style="color: blue;">ข. ดิน,ป่าไม้ </span><br />
ค. แร่ธาตุชนิดต่างๆ<br />
ง. ถ่านหิน<br />
<br />
ความเฉื่อย คืออะไร<br />
ก. แรงที่กระทำต่อมวล<br />
<span style="color: blue;">ข. สมบัติของวัตถุที่พยายามรักษาสภาพการเคลื่อนที่</span><br />
ค. เป็นมวลของวัตถุต่อหน่วยปริมาตร<br />
<br />
การที่วัตถุสามารถลอยอยู่บนผิวน้ำได้เป็นเพราะเหตุใด<br />
<span style="color: blue;">ก. มีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ </span><br />
ข. มีความหนาแน่นมากกว่าน้ำ<br />
ค. มีน้ำหนักเบากว่าน้ำ<br />
ยานพาหนะใดที่มีอัตราการสูญเสียพลังงานขับเฉื่อยมาจากแรงเสียดทานพาหนะขณะเคลื่อนที่มากที่สุด<br />
ก. รถยนต์ <span style="color: blue;">ข. ยานอวกาศ</span> ค. เครื่องบิน<br />
<br />
แรงที่ต่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุเรียกว่า<br />
ตอบ <span style="color: blue;">แรงเสียดทาน</span><br />
<br />
เหตุใดยางรถยนต์จึงมีลวดลายและผิวขรุขระ<br />
ตอบ <span style="color: blue;">ลดแรงเสียดทาน</span><br />
<br />
เมื่อรถวิ่งไปข้างหน้า แรงเสียดทานของถนนจะมีทิศทางใด<br />
ตอบ <span style="color: blue;">ทิศทางตรงข้ามกับรถวิ่ง</span><br />
<br />
<span style="color: purple;">โจทย์เกี่ยวกับการคำนวณ</span><br />
ถ้าออกแรง 5 นิวตัน กระทำกับวัตถุมวล 30 กิโลกรัม วัตถุจะมีความเร่งเท่าใด<br />
ให้ F คือ แรงที่กระทำต่อว้ตถุ (หน่วยเป็น นิวตัน)<br />
m คือ มวลของวัตถุ (หน่วยเป็น กิโลกรัม)<br />
a คือ ความเร่งของวัตถูที่เกิดขึ้น (หน่วยเป็น เมตรต่อวินาที่<sup>2</sup>)<br />
<br />
จากสูตร F = ma<br />
ดังนั้น a = F/m = 30 / 5 = 6 เมตรต่อวินาที่<sup>2</sup><br />
<br />
มวล 10 กิโลกรัม ต้องการให้เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง 6 เมตรต่อวินาที่<sup>2 </sup>จะต้องออกแรงกระทำเท่าใด<br />
จากสูตร F = ma = 10 x 6 = 60 นิวตัน<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-85567743649825192592014-01-07T07:15:00.001-08:002014-01-07T19:06:10.686-08:00เฉลยใบงานเรื่องระบบนิเวศเรื่องระบบเวศ<br />
1) ความหมายของระบบนิเวศ<br />
1 ระบบนิเวศ (ecosystem) <span style="color: purple;">เฉลย ก</span><br />
2 องค์ประกอบทางชีวภาพ (biological component) <span style="color: purple;">เฉลย ง</span><br />
3 องค์ประกอบทางกายภาพ (physical component) <span style="color: purple;">เฉลย ค</span><br />
ก. ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม<br />
ข. สิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา (เราเรียกว่า สิ่งแวดล้อม)<br />
ค. สิ่งไม่มีชีวิตในระบบนิเวศ เช่น ดิน น้ำ แสง อุณหภูมิ<br />
ง. สิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ เช่น พืช สัตว์ มนุษย์<br />
<br />
2) โครงสร้างของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ คือ<br />
1 ผู้ผลิต (producer) <span style="color: purple;">เฉลย ก</span><br />
2 ผู้บริโภคพืช (herbivore หรือ primary consumer) <span style="color: purple;">เฉลย ค</span><br />
3 ผู้บริโภคสัตว์ (carnivore หรือ secondary consumer) <span style="color: purple;">เฉลย ข</span><br />
4 ผู้บริโภคทั้งสัตว์ทั้งพืช (omnivore) <span style="color: purple;">เฉลย ง </span><br />
5 ผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ (decomposer) <span style="color: purple;">เฉลย จ</span><br />
ก. สิ่งมีชีวิตที่สร้างอาหารเองได้ พืช สาหร่าย โปรโตซัว<br />
ข. เสือ สิงโต เหยี่ยว งู<br />
ค. ช้าง ม้า โค กระบือ กระต่าย<br />
(ไม่นำมาคิด) ผู้ทำทำสินค้ามาสู่ตลาด<br />
ง. คน ไก่ ลิง<br />
จ. เห็ด รา แบคทีเรีย และจุลินทรีย์ต่างๆ<br />
<br />
3) กระบวนการหลัก 2 อย่างของระบบนิเวศ ได้แก่ (มี2 คำตอบ) <span style="color: purple;">เฉลย ก และ ข</span><br />
ก. การไหลเวียนของพลังงาน (energy flow)<br />
ข. การหมุนเวียนของสารเคมี (chemical cycling)<br />
ค. การปรับต้วให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม<br />
ง. การสังเคราะห์ด้วยแสง(photosynthesis)<br />
<br />
4) ห่วงโซ่อาหาร (Food chain)<br />
1 ห่วงโซ่อาหาร <span style="color: purple;">เฉลย ข</span><br />
2 การถ่ายทอดพลังงาน <span style="color: purple;">เฉลย ก</span><br />
3 วัฏจักรสารอาหารในระบบนิเวศ <span style="color: purple;">เฉลย ค</span><br />
4 สายใยอาหาร (Food web) <span style="color: purple;">เฉลย ง</span><br />
ก. การถ่ายทอดพลังงานจากระดับหนึ่งไปสู่ระดับหนึ่ง<br />
ข. การกินกันอย่างเป็นลำดับขั้น แต่ละลำดับขั้นนั้นว่า ระดับอาหาร<br />
ค. สิ่งที่เป็นผลจากการย่อยสลายของกลุ่มผู้ย่อยสลายทำให้เกิดการหมุนเวียนถ่ายเทสารอาหาร<br />
ง. เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศที่มีการกินกันเป็นอาหารอย่างซับซ้อนหลายทิศทาง<br />
<br />
6) ความสัมพันธ์สิ่งสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ<br />
1. ภาวะการล่าเหยื่อ (predation) (+,-) <span style="color: purple;">เฉลย ก</span><br />
2. ภาวะปรสิต (parasitism) (-,+) <span style="color: purple;">เฉลย ง</span><br />
3.ภาวะพึ่งพากัน (mutualism) (+,+) <span style="color: purple;">เฉลย ค</span><br />
4.ภาวะอิงอาศัย (commensalism) (+, 0) <span style="color: purple;">เฉลย ข</span><br />
5 ภาวะได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน (+,+) <span style="color: purple;">เฉลย จ</span><br />
6.ภาวะแข่งขัน(competition) <span style="color: purple;">เฉลย ช</span><br />
7.ภาวะเป็นกลาง (neutralism) <span style="color: purple;">เฉลย ฉ</span><br />
8.ภาวะต่อต้าน (antibiosis) <span style="color: purple;">เฉลย ซ</span><br />
ก. ประกอบด้วยผู้ล่า (predator)และเหยื่อ(prey) เช่น หนูกับงู<br />
ข. ฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ ส่วนอีกฝ่ายไม่ได้ประโยชน์ เช่น เฟินเกาะบนต้นไม้ใหญ่<br />
ค. การอยู่ร่วมกันแบบประโยชน์ทั้งสองฝ่ายและไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ถ้าแยกจากกัน เช่นแบคทีเรียไรโซเบียมที่อาศัยอยู่ในปมรากพืชตระกูลถั่ว แบคทีเรียได้รับพลังงานจากการสลายของสารอาหารที่อยู่ในรากพืช ส่วนแบคทีเรียไรโซเบียมสามารถตรึงแก๊สไนโตรเจน<br />
ง. ผู้อาศัย(parasite)ได้ประโยชน์และผู้ถูกอาศัย(host)เสียประโยชน์ เช่น เห็บกับสุนัข ต้นกาฝากบนต้นไม้<br />
จ. การอยู่ร่วมกันแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และแยกออกจากกันได้ เช่น ดอกไม้กับแมลง ควายกับนกเอี้ยง<br />
ฉ. เป็นการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน เช่นนกกับกระต่ายในทุ่งหญ้า<br />
ช. การแย่งอาหารของจระเข้ การแข่งขันด้านความสูงของต้นไม้เพื่อรับแสงจากดวงอาทิตย์<br />
ซ เป็นการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดที่ฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพลต่ออีกฝ่ายหนึ่งเช่น ราเพนิซิลเลียมจะหลั่งสารยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย<br />
<br />
1. ผู้ผลิตในห่วงโซ่อาหารได้แก่ข้อใดต่อไปนี้<br />
ก. เสื้อ ข. แบคทีเรีย <span style="color: purple;">ค. พืช</span><br />
<br />
2. ข้อใดเป็นปัจจัยทางกายภาพในระบบนิเวศ<br />
ก. ผู้ผลิต ข. ผู้บริโภค <span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span> <span style="color: purple;">ค. น้ำและความชื้น</span><br />
พืชใช้สิ่งใดกระบวนการสังเคราะห์แสง<br />
ก. ราก ข. ดอก<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span><span style="color: purple;">ค. คลอโรฟิลส์</span><br />
<br />
3. แสงมีผลต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตสัตว์ใดมากที่สุด<br />
<span style="color: purple;">ก. การสร้างอาหารของพืช</span> ข. การปรับตัวของพืช<br />
ค. การปรับตัวของสภาพแวดล้อม<br />
<br />
4. ข้อใดต่อไปนี้เป็นผู้บริโภคลำดับสูงสุด<br />
ก. กวาง<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ข. นกอินทรีย์<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span> <span style="color: purple;">ค. มนุษย์</span><br />
<br />
6. ข้อใดเป็นลักษณะของผู้ผลิตในระบบนิเวศ<br />
ก. มีจำนวนน้อยที่สุดในระบบ<br />
ข. เป็นผู้ถ่ายทอดพลังงานในระบบ<br />
<span style="color: purple;"> ค. เป็นจุดเริ่มต้นของพลังงานในระบบ</span><br />
<br />
7. ข้อใดเป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิต<br />
ก. นกนางแอ่นในถ้ำ<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span> ข. วัวแดง 10 ตัวในป่า<br />
<span style="color: purple;">ค. กุ้ง หอย ปู ปลา ในนาข้าว</span><br />
<br />
8. พลังงานเริ่มแรกของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลกได้มาจากที่ใด<br />
ก. พืช<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span><span style="color: purple;">ข. ดวงอาทิตย์</span><span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"><span style="color: purple;"> </span> </span>ค. แร่ธาตุต่างๆ<br />
<br />
9. ความสำคัญของผู้ผลิตต่อสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศข้อใดสำคัญที่สุด<br />
<span style="color: purple;">ก. ผลิตอาหาร</span> ข. ผลิตแก๊สออกซิเจน<br />
ค. ผลิตไม้สำหรับสร้างที่อยู่อาศัย<br />
<br />
10. จากแผนภาพ แปลความหมายได้ว่าอย่างไร<br />
พืช ->กระต่าย -> งู -> คน<br />
ก. ผู้ผลิตขั้นแรกคือคน<br />
ข. งูเป็นผู้บริโภคอันดับที่3<br />
<span style="color: purple;">ค. พืชจัดว่าเป็นผู้ผลิตอาหาร </span><br />
ง. กระต่ายเป็นผู้ผลิตอาหารให้กับงู<br />
<br />
11. ข้อใดที่ไม่ถูกต้อง<br />
ก. พืช -> คน -> หมู<br />
ข. พืช -> กระต่าย -> หมาป่า<br />
<span style="color: purple;">ค. พืช -> หนู -> งู -> นกเหยี่ยว </span><br />
<br />
12. สิ่งที่ทำให้ระบบนิเวศดำรงอยู่ได้คือข้อใด<br />
ก. ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต<br />
<span style="color: purple;">ข. การถ่ายทอดพลังงานของสิ่งมีชีวิต</span><br />
ค. สิ่งมีชีวิตมีการกินเป็นทอดๆในระบบห่วงโซ่อาหาร<br />
<br />
13. หมัดกัดสุนัขและยุงกัดคน เป็นมีสัมพันธ์แบบใด<br />
ก. ภาวะพึ่งพากัน <span style="color: purple;">ข. ภาวะปรสิต </span> ค. ภาวะล่าเหยื่อ<br />
<br />
14. ในชีวิตประจำวันเรามักจะพบเชื้อราขึ้นบนขนมปัง การดำรงชีวิตของเชื้อราเป็นแบบใด<br />
ก. ภาวะปรสิต ข. ภาวะอิงอาศัย <span style="color: purple;">ค. ภาวะย่อยสลาย</span><br />
<br />
15. ความสมดุลของระบบนิเวศจะเสียไปเมื่อใด<br />
ก. เมื่อผู้ผลิตเท่ากับผู้บริโภค<br />
ข. เมื่อผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภคมากๆ<br />
<span style="color: purple;">ค. เมื่อผู้บริโภคมากกว่าผู้ผลิตมากๆ</span><br />
<br />
16. ข้อใดที่แสดงให้ถึงความแตกต่างระหว่างพืชกับสัตว์<br />
ก. การหายใจและการขับถ่าย<br />
ข. การเคลื่อนไหวและการหายใจ<br />
<span style="color: purple;">ค. การสร้างอาหารและการเคลื่อนไหว</span><br />
<br />
<br />
17. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการหมุนเวียนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์<br />
ก. การหายใจของสิ่งมีชีวิต<br />
ข. การเน่าเปื่อยผุพังของซากสิ่งมีชีวิต<br />
<span style="color: purple;">ค. การคายน้ำที่ปากใบของพืช</span><br />
ง. การสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช<br />
<br />
18. ประชากรในข้อใดที่มีความหนาแน่นมากที่สุด<br />
<span style="color: purple;">ก. พื้นที่ 100 ตารางเมตร มีต้นกล้วย 25 ต้น </span><br />
(มีความหนาแน่น = 25 / 100 = 0.25)<br />
ข. พื้นที่ 75 ตารางเมตร มีต้นกล้วย 15 ต้น<br />
(มีความหนาแน่น = 15 / 75 = 0.2)<br />
ค. พื้นที่ 150 ตารางเมตร มีต้นกล้วย 35 ต้น<br />
(มีความหนาแน่น = 35 / 150 = 0.233)<br />
<div>
<br />
19. อาหารส่วนใหญ่ที่พืชสร้างขึ้นโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง จะถูกสะสมไว้ในรูปสารอาหารประเภทใด<br />
ก. ไขมัน <span style="color: purple;">ข. แป้ง</span> ค. โปรตีน</div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-28921146900885539072013-12-10T20:18:00.001-08:002013-12-11T09:35:47.080-08:00เนื้อหาวันที่ 8-12-56สรุปเนื้อหาวันที่ 8 ธันวาคม 2556<br />
<span style="color: blue;">ภาษาอังกฤษ</span><br />
ประโยคที่ แปลว่า ฉันมี...<br />
I have a car. ฉันมีรถ 1 คัน<br />
I have two bicycles. ฉันมีจักรยาน 2 คัน<br />
I have a football team. ฉันมีทีมฟุตบอลอยู่ 1 ทีม<br />
I have my own business. ฉันมีธุรกิจเป็นของตัวเอง<br />
I have no money. ฉันไม่มีเงินเลย<br />
I have 300 baht. ฉันมีเงินอยู่ 300 บาท<br />
I have a dream. ฉันมีความฝัน<br />
I have three sisters and one brother. ฉันมีน้องสาว 3 คนและ น้องชาย 1 คน<br />
<br />
ประโยคที่ แปลว่า ฉันเคยมี...<br />
I had a lot of money. ฉันเคยมีเงินมากมาย<br />
I had a big house. ฉันเคยมีบ้านหลังใหญ่<br />
I had two wives. ฉันเคยมีภรรยา 2 คน<br />
I had many books. ฉันเคยมีหนังสือมากมาย<br />
I had three best friends. ฉันเคยมีเพื่อนที่ดีที่สุด 3 คน<br />
<br />
<span style="color: blue;">คณิตศาสตร์</span><br />
พื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมด้านขานา<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-66QEEqFkPQ0/Uqie6disspI/AAAAAAAACSs/C9hScznvw4A/s1600/001.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-66QEEqFkPQ0/Uqie6disspI/AAAAAAAACSs/C9hScznvw4A/s1600/001.jpg" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-EXxmtSzyxbc/Uqie-AXei1I/AAAAAAAACS0/j16iYIdhiic/s1600/002.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-EXxmtSzyxbc/Uqie-AXei1I/AAAAAAAACS0/j16iYIdhiic/s1600/002.jpg" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-B--HlK_acS4/UqifJ-oHgxI/AAAAAAAACS8/A5BOMVm7cEA/s1600/003.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-B--HlK_acS4/UqifJ-oHgxI/AAAAAAAACS8/A5BOMVm7cEA/s1600/003.jpg" /></a></div>
<br />
<span style="color: blue;">โจทย์ให้ลองทำ ให้หาพื้นที่ของรูปต้อไปนี้</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-HpccPuhXoRU/UqifcjnhPiI/AAAAAAAACTE/BgXjjodV1BY/s1600/004.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-HpccPuhXoRU/UqifcjnhPiI/AAAAAAAACTE/BgXjjodV1BY/s1600/004.jpg" /></a></div>
<br />
<span style="color: blue;">วิทยาศาสตร์</span><br />
<span style="color: purple;">ความสัมพันธ์ระหว่างระยะทาง อัตราเร็ว และเวลา</span><br />
<span style="color: red;"> สูตร ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา</span><br />
<span style="color: red;"> หรือ s = v × t</span><br />
โดยที่ ระยะทาง มีหน่วยเป็น กิโลเมตร (กม.)<br />
ความเร็ว มีหน่วยเป็น กิโลเมตรต่อชั่วโมง (กม./ชม.)<br />
เวลา มีหน่วยเป็น ชั่วโมง (ชม.)<br />
<span style="color: blue;">ตัวอย่าง</span> ชัยขับรถด้วยอัตราเร็ว 90 กม./ชม. เป็นเวลา 30 นาทีจะได้ระยะทางกี่กิโลเมตร<br />
วิธีทำ<br />
ระยะทาง = อัตราเร็ว × เวลา<br />
= 90 x 30 / 60<br />
= 2700 / 60<br />
= 45 กิโลเมตร<br />
<span style="color: blue;">ตัวอย่า</span>ง ชัยขับรถด้วยอัตราเร็ว 90 กม./ชม. ได้ระยะทาง 180 กิโลเมตร ต้องใช้เวลานานกี่ชั่วโมง<br />
วิธีทำ<br />
เวลา = ระยะทาง / อัตราเร็ว<br />
= 180 / 90<br />
= 2 ชั่วโมง<br />
<br />
<span style="color: purple;">โจทย์ให้ลองทำ</span><br />
1. แก้วเดินทางไปโรงเรียนที่อยู่ห่างจากบ้าน 800 เมตร โดยใช้ความเร็ว 2.5 กม./ชม. แก้วต้องใช้เวลาเดินนานเท่าไหร่<br />
2. บ้านกับที่ทำงานอยู่ห่างกัน 4 กิโลเมตรถ้าน้ำขี่จักรยานด้วยอัตราเร็ว 8 กม./ชม. จะใช้เวลาน้อยกว่าเดินด้วยความเร็ว 2 กม./ชม. เท่าใด<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-48942821617773531282013-10-13T09:50:00.000-07:002013-10-13T09:50:56.929-07:00บทเพลงแห่งอาเซียน<br />
The ASEAN Way เป็นเพลงที่แต่งโดยคนไทย คือ นายกิตติคุณ สุดประเสริฐ (ทำนองและเรียบเรียง) นายสำเภา ไตรอุดม (ทำนอง) และนางพยอม วลัยพัชรา (เนื้อร้อง)<br />
<span style="color: purple;">ภาษาอังกฤษ</span><br />
Raise our flag high, sky high.<br />
Embrace the pride in our heart.<br />
ASEAN we are bonded as one.<br />
Look'in out to the world.<br />
For peace our goal from the very start<br />
And prosperity to last.<br />
We dare to dream,<br />
We care to share.<br />
Together for ASEAN.<br />
We dare to dream,<br />
We care to share<br />
For it's the way of ASEAN.<br />
<br />
<span style="color: purple;">คำแปล</span><br />
ชูธงเราให้สูงสุดฟ้า<br />
โอบเอาความภาคภูมิไว้ในใจเรา<br />
อาเซียนเราผูกพันเป็นหนึ่ง<br />
มองมุ่งไปยังโลกกว้าง<br />
สันติภาพ คือเป้าหมายแรกเริ่ม<br />
ความเจริญ คือปลายทางสุดท้าย<br />
เรากล้าฝัน<br />
และใส่ใจต่อการแบ่งปัน<br />
ร่วมกันเพื่ออาเซียน<br />
เรากล้าฝัน<br />
และใส่ใจต่อการแบ่งปัน<br />
นี่คือวิถีอาเซียน<br />
<br />
<span style="color: purple;">เนื้อร้องภาษาไทยอย่างเป็นทางการ</span><br />
พลิ้วลู่ลม โบกสะบัด<br />
ใต้หมู่ธงปลิวไสว<br />
สัญญาณแห่งสัญญาทางใจ<br />
วันที่เรามาพบกัน<br />
อาเซียนเป็นหนึ่งดังที่ใจเราปรารถนา<br />
เราพร้อมเดินหน้าไปทางนั้น<br />
หล่อหลอมจิตใจ<br />
ให้เป็นหนึ่งเดียว<br />
อาเซียนยึดเหนี่ยวสัมพันธ์<br />
ให้สังคมนี้<br />
มีแต่แบ่งปัน<br />
เศรษฐกิจมั่นคงก้าวไกลIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-12777837397600573272013-09-10T22:12:00.001-07:002013-09-10T22:12:12.101-07:00แนวข้อสอบรวบๆ 2แบบทดสอบ<br />
การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ<br />
อช.32001ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย<br />
<br />
1. ข้อใดไม่ใช่ความหมายของโครงการ<br />
ก. กิจกรรมที่มีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด<br />
ข. การวางแผนล่วงหน้าและจัดทำอย่างเป็นระบบ<br />
ค. กิจกรรมที่สามารถวิเคราะห์วางแผนและนำไปปฏิบัติได้<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> กิจกรรมที่ไม่ต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าสามารถปฏิบัติได้เลย<br />
<br />
2. ลักษณะของโครงการที่ดีเป็นอย่างไร<br />
ก. สามารถติดตามและประเมินผลได้<br />
ข. ตอบสนองความต้องการของกลุ่มชน<br />
ค. มีระยะเวลาการดำเนินงานที่แน่นอน<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ถูกทุกข้อ<br />
<br />
3. ข้อใดไม่ใช่ความหมายที่ถูกต้องของการออม<br />
<span style="background-color: orange;">ก.</span> การเก็บเงินที่หามาได้โดยไม่จ่ายอะไรเลย<br />
ข. ส่วนของรายได้ที่เหลืออยู่หลังจากการอุปโภค<br />
ค. การเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นและฉุกเฉิน<br />
<br />
4. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้เกิดการออม<br />
ก. รายได้ ข. อัตราดอกเบี้ย<br />
ค. สถาบันการเงิน <span style="background-color: orange;">ง.</span> ของขวัญและของรางวัล<br />
<br />
5. ข้อใดเป็นเป็นประเภทของการออม<br />
ก. การออมโดยมีดอกเบี้ยและไม่มีดอกเบี้ย<br />
ข. การออมด้วยตนเองและการออมโดยผู้อื่น<br />
ค. การออมด้วยความสมัครใจและการถูกบังคับ<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> การออมโดยการฝากประจำและออมโดยการฝากเผื่อเรียก<br />
<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span><br />
6. ข้อใดไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการวางแผน<br />
ก. การวางแผนทำให้ลดความไม่แน่นอน<br />
<span style="background-color: orange;">ข. </span>การวางแผนทำให้เกิดความเสียหายซ้ำซ้อน<br />
ค. การวางแผนทำให้รู้มาตรฐานในการควบคุม<br />
ง. การวางแผนทำให้รู้ทิศทางในการดำเนินงาน<br />
<br />
7. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของการเขียนโครงการ<br />
ก. งบประมาณ ข. วัตถุประสงค์<br />
ค. การกำหนดอายุโครงการ <span style="background-color: orange;">ง.</span> การประเมินผลโครงการ<br />
<br />
9. ข้อใดเป็นขั้นตอนแรกของการวางแผน<br />
<span style="background-color: orange;">ก.</span> ระบุปัญหา ข. กำหนดวัตถุประสงค์<br />
ค. รวบรวมและแปลข้อมูล<br />
ง. กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ<br />
<br />
10. การตรวจสอบผลงานและการติดตามว่าการปฏิบัติงานนั้นเป็นอย่างไรอยู่ในข้อใดของการวางแผน<br />
ก. การศึกษาแผน <span style="background-color: orange;">ข.</span> การประเมินผล<br />
ค. การจัดระบบและประสานงาน<br />
ง. การกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติงาน<br />
<br />
11.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ข้อใดคือการจัดการความรู้ (KM, Knowledge Management))<br />
ก. การระบุปัญหา<br />
ข. การจัดสรรทรัพยากร<br />
ค. การพัฒนาระบบข้อมูลไปสู่สารสนเทศ<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> การรวบรวม สร้าง จัดระเบียบ แลกเปลี่ยนและประยุกต์ใช้ความรู้<br />
<br />
12.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ข้อใดไม่ใช่ระดับความรู้<br />
1. <span style="color: blue;">ความรู้เชิงทฤษฏี (Know-What</span>) เป็นความรู้เชิงข้อเท็จจริง รู้อะไร เป็นอะไร จะพบในผู้ที่สำเร็จการศึกษามาใหม่ๆ ที่มีความรู้โดยเฉพาะความรู้ที่จำมาได้จากความรู้ชัดแจ้งซึ่งได้จากการได้เรียนมาก แต่เวลาทำงาน ก็จะไม่มั่นใจ มักจะปรึกษารุ่นพี่ก่อน<br />
2. <span style="color: blue;">ความรู้เชิงทฤษฏีและเชิงบริบท (Know-How)</span> เป็นความรู้เชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริง ภายใต้สภาพความเป็นจริงที่ซับซ้อนสามารถนำเอาความรู้ชัดแจ้งที่ได้มาประยุกต์ใช้ตามบริบทของตนเองได้ มักพบในคนที่ทำงานไปหลายๆปี จนเกิดความรู้ฝังลึกที่เป็นทักษะหรือประสบการณ์มากขึ้น<br />
3. <span style="color: blue;">ความรู้ในระดับที่อธิบายเหตุผล (Know-Why)</span> เป็นความรู้เชิงเหตุผลระหว่างเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ผลของประสบการณ์แก้ปัญหาที่ซับซ้อน และนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่น เป็นผู้ทำงานมาระยะหนึ่งแล้วเกิดความรู้ฝังลึก สามารถอดความรู้ฝังลึกของตนเองมาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นหรือถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้พร้อมทั้งรับเอาความรู้จากผู้อื่นไปปรับใช้ในบริบทของตนเองได้<br />
4. <span style="color: blue;">ความรู้ในระดับคุณค่า ความเชื่อ (Care-Why)</span> เป็นความรู้ในลักษณะของความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ที่ขับดันมาจากภายในตนเองจะเป็นผู้ที่สามารถสกัด ประมวล วิเคราะห์ความรู้ที่ตนเองมีอยู่ กับความรู้ที่ตนเองได้รับมาสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมาได้ เช่น สร้างตัวแบบหรือทฤษฏีใหม่หรือนวัตกรรม ขึ้นมาใช้ในการทำงานได้<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> (know-where)<br />
<br />
13. ข้อใดไม่เป็นความรู้แบบชัดแจ้ง<br />
ก. เว็บไซต์ ข. หนังสือ<br />
<span style="background-color: orange;">ค. </span>วัฒนธรรมองค์กร<br />
ง. คู่มือการปฏิบัติงาน<br />
<br />
14. ความรู้ที่เชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริงภายใต้สภาพความเป็นจริงที่ซับซ้อน<br />
ก. ความรู้เชิงทฤษฎี (Know-What)<br />
<span style="background-color: orange;">ข.</span> ความรู้ระดับที่อธิบายเหตุผล (Know-How)<br />
ค. ความรู้เชิงทฤษฎีและเชิงบริบท (Know-Why)<br />
ง. ความรู้ในระดับคุณค่าความเชื่อ (Care-Why)<br />
<br />
16.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ข้อใดเป็นทุนทางสังคม<br />
ก. ทุนทางวัฒนธรรม ข. ทุนทรัพยากรบุคคล<br />
ค. ทุนทรัพยากรธรรมชาติ <span style="background-color: orange;">ง.</span> ถูกทุกข้อ<br />
<br />
17.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>“ผู้บริโภคสนใจซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพเท่านั้น”เน้นแนวคิดทางการตลาดข้อใด<br />
ก. ความคิดมุ่งการขาย ข. ความคิดมุ่งการตลาด<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> ความคิดเกี่ยวกับการผลิต ง. ความคิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์<br />
<br />
19.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>“งานที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดทำสารสนเทศและการสนับสนุนสารสนเทศ ได้แก่บุคคลและหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์การที่ต้องใช้” ข้อความข้างต้นเป็นความหมายของข้อใดต่อไปนี้<br />
ก. ข้อมูล ข. สารสนเทศ<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> ระบบสารสนเทศ ง. ผิดทุกข้อ<br />
<br />
21.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ข้อใดคือประโยชน์ของการบันทึกรายรับ-รายจ่าย<br />
ก. สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้<br />
ข. ทราบว่ามีเงินคงเหลือเท่าใดในแต่ละวัน<br />
ค. ทำให้ทราบรายรับรายจ่ายตลอดทั้งเดือน<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ถูกทุกข้อ<br />
<br />
22.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ใครปฏิบัติตนในการดำรงชีวิตเพื่อให้มีรายได้และมีเงินทุนเพื่อใช้ในการขยายอาชีพ<br />
ก. แดงปลูกผักสวนครัวหลายอย่าง<br />
ข. น้ำเรียนหนังสือโดยขอเงินจากพ่อแม่<br />
ค. แดงทำนาเสร็จแล้วนอนพักผ่อนอยู่บ้าน<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ไก่หาอาชีพเสริมหลังจากการทำงานประจำและยังจดบันทึกรายรับ รายจ่ายเป็นประจำ<br />
<br />
23. ใครรู้จักวางแผนการใช้จ่ายเงิน<br />
ก. ราตรีซื้อของทุกอย่างที่ตัวเองอยากได้<br />
ข. นภาไม่ซื้อของกินเลยแต่ชอบขอเพื่อนกิน<br />
ค. ดวงใจอยากได้โทรศัพท์จึงขอเงินแม่ไปซื้อ<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ลัดดาซื้อเฉพาะของใช้ที่จำเป็นและเงินที่เหลือก็เก็บออมไว้<br />
<br />
24. กระบวนการที่ทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มประโยชน์ใช้สอยและมูลค่าในการแลกเปลี่ยน ข้อความดังกล่าวเป็นความหมายของข้อใด<br />
ก. การขาย <span style="background-color: orange;">ข.</span> การผลิต<br />
ค. การตลาด ง. การแลกเปลี่ยน<br />
<br />
25.<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ข้อใดคือคุณภาพในการบริการ<br />
ก. รูปร่าง สีสันสดใส ทนทาน<br />
ข. รูปลักษณ์โดดเด่น ดึงดูดความสนใจ<br />
ค. ประสิทธิภาพในการทำงานความเหมาะสม<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> การสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span><br />
<br />
26. ข้อใดไม่ใช่ปัจจัยหรือต้นทุนในการผลิต<br />
ก. วัตถุดิบ ข. แรงงาน<br />
<span style="background-color: orange;">ค. </span>ผลิตภัณฑ์ ง. การบริหารจัดการ<br />
<br />
27. การวัดกำลังการผลิตวัดได้จากอะไร<br />
ก. แรงงานและเงินทุน ข. ผลผลิตและแรงงาน<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> เงินทุนและปัจจัยการผลิต ง. ผลผลิตและปัจจัยการผลิต<br />
<br />
29. ข้อใดเป็นปัจจัยที่ทำให้การจัดอาชีพประสบความสำเร็จ<br />
ก. สภาพการเงินที่มั่นคง ข. การจัดการอย่างมีคุณภาพ<br />
ค. การใช้ทรัพย์สินอย่างคุ้มค่า <span style="background-color: orange;">ง.</span> ถูกทุกข้อ<br />
<br />
30. การผลิตและการควบคุมระบบการผลิตเพื่อให้ได้สินค้าที่มาตรฐานประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้ยกเว้นข้อใด<br />
<span style="background-color: orange;">ก.</span> กิจการจะต้องมีกำไรมากที่สุด<br />
ข. วัตถุดิบที่ใช้ผลิตควรมีคุณภาพสูงแต่ราคาต่ำ<br />
ค. กระบวนการผลิตต้องมีความพร้อมทั้งคนและเครื่องมือ<br />
ง. ผลผลิตจะต้องผ่านการตรวจสอบและประเมินอย่างเที่ยงตรง<br />
<br />
<div>
<br /></div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-35755541963362411112013-09-10T20:33:00.001-07:002013-09-10T21:41:39.847-07:00แนวข้อสอบรวมๆแนวข้อสอบรวมๆ มีหลายวิชาปนกัน ลองอ่านนักดู...<br />
1.ข้อใดไม่ใช่ความหมายของศาสนา<br />
ก. ความเชื่อถือ การปฏิบัติ ข. คำสอนเกี่ยวที่เกี่ยวกับศีลธรรม<br />
<span style="background-color: orange;">ข.</span> คำสอนเกี่ยวกับเรื่องลึกลับ ง. การศรัทธาบูชาพระเจ้า<br />
<br />
2.ลัทธิหรือศาสนาที่มีหลักการและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์คือข้อใด<br />
ก. อิสลาม ข. คริสต์ ค. ฮินดู <span style="background-color: orange;">ง.</span> พุทธ<br />
<br />
3.ความหมายของ ศาสนาตามหลักสากล คืออะไร <br />
ก. ทำให้ผู้ปฏิบัติมีความสุข <br />
ข. มีมาตรฐานการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง <br />
ค. คำสอนขาดเหตุผลแต่ประชาชนยังปฏิบัติตาม <br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> จุดรวมแห่งความเคารพนับถืออันสูงส่งของมนุษย์<br />
<br />
4.ตรีมูรติ ของศาสนาพราหมณ์ คืออะไร<br />
ก. หลักธรรม <span style="background-color: orange;">ข.</span> เทพเจ้า ค. คัมภีร์ ง. พิธีกรรม<br />
<br />
5.โมกษะ มีความหมายที่ถูกต้องที่สุดตรงกับข้อใด<br />
ก. การหลุดพ้นจากบ่วงมาร และสังสารวัฏ<br />
ข. การหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา และอุปทาน<br />
ค. การหลุดพ้นพันธะเครื่องผูกพันจากกองทุกข์ในโลก<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> การหลุดพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิงและตลอดไปเป็นถืออุดมคติอันสูงสุด<br />
<br />
6.การโกรธเคืองใครแต่ทำอะไรเขาไม่ได้ จัดอยู่ในอริยสัจสี่ข้อใด<br />
<span style="background-color: orange;">ก.</span> ทุกข์ ข. สมุทัย ค. นิโรธ ง. มรรค<br />
<br />
7.เหตุใดจึงต้องมีการสังคายนาพระไตรปิฎก<br />
ก. หลักคำสอนมิได้แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน <br />
ข. หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าสูญหายไป<br />
ค. หลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าใจได้ยาก<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ผู้ปฏิบัติให้หลักคำสอนคลาดเคลื่อนไปจากของเดิมมาก<br />
<br />
8.การเรียนรู้เรื่องไตรลักษณ์ ข้อใดสำคัญสุด<br />
ก. ชีวิตทุกชีวิตต้องแตกดับ <br />
ข. ธรรมชาติของชีวิตไม่อาจยั่งยืนได้<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> การเปลี่ยนแปลงของชีวิตเป็นธรรมชาติ <br />
ง. การกระทำทั้งปวงต้องรอบคอบไม่ประมาท<br />
<br />
9. ศาสนาคริสต์เกิดขึ้นในกลุ่มชนชาติที่เคยนับถือศาสนาใดมาก่อน<br />
ก. ศาสนายูดาย ข. ศาสนาอิสลาม <br />
ค. ศาสนา กรีกโบราณ <span style="background-color: orange;">ง.</span> ศาสนาโรมันโบราณ<br />
<br />
10. ข้อใดคือความหมายของคำว่า ตรีเอกานุภาพ ในศาสนาคริสต์<br />
ก. มนุษย์ต้องมีความรัก 3 ลักษณะคือ รักตนเอง รักเพื่อนมนุษย์ และรักพระเจ้า<br />
ข. หน้าที่ของพระเจ้า 3 ประการคือ ผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> พระเจ้ามีองค์เดียว แต่มี3บุคคลคือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต<br />
ง. ให้เชื่อว่าพระเจ้าแปลงร่างได้ 3 ลักษณะคือพระบิดา พระบุตร และพระจิต<br />
<br />
11. หลักศรัทธาในศาสนาอิสลาม หมายถึงศรัทธาในข้อใด<br />
ก. เชื่อในความดีโดยไม่หวังผล <span style="background-color: orange;">ข.</span> เชื่อในพระเจ้าเพียงผู้เดียว<br />
ค. เชื่อในประกาศิตของพระอัลเลาะห์<br />
ง. เชื่อในพระเจ้า คัมภีร์ และกำหนดภาวการณ์ของพระเจ้า<br />
<br />
<br />
12. จุดประสงค์ที่สำคัญของการถือศีลอด คือข้อใด<br />
ก. ทำให้มีความอดทน ข .เห็นคุณค่าของอาหาร<br />
ค. มีความเป็นพวกเดียวกัน <span style="background-color: orange;">ง.</span> ฝึกให้มีเมตตาธรรมเมื่อเห็นคนหิว<br />
<br />
13. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองในสมัยอยุธยา<br />
ก. มีลักษณะการปกครองแบบเทวสิทธิ์<br />
<span style="background-color: orange;">ข. </span>มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักในการปกครอง<br />
ค. มีการปกครองส่วนกลางเป็นแบบจตุสดมภ์<br />
ง. มีการปกครองในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์<br />
<br />
14. ข้อใดมิใช่ผลที่เกิดจากการใช้ระบอบการปกครองในสมัยพ่อขุนรามคำแหง<br />
ก. เกิดความสามัคคีภายในชาติ<br />
<span style="background-color: orange;">ข.</span> พระมหากษัตริย์ทรงมีฐานะเป็นสมมุติเทพ<br />
ค. ผู้ปกครองและผู้อยู่ใต้การปกครองมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด<br />
ง. ทำให้เกิดการวางรากฐานเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของคนไทย<br />
<br />
15. การปกครองระบอบประชาธิปไตยถือหลักข้อใดสำคัญสุด<br />
ก. ต้องมีระบบพรรคการเมือง ข. ต้องมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข<br />
ค. นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง <span style="background-color: orange;">ง.</span> ถือเสียงข้างมากในการตัดสิน<br />
<br />
16. หน้าที่สำคัญของรัฐสภาคือข้อใด<br />
ก. ออกกฎหมายรวมทั้งแก้ไข ข. ควบคุมและตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล<br />
ค. ให้ความเห็นชอบกิจการสำคัญของประเทศ<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ถูกทุกข้อ<br />
<br />
17.ข้อใดไม่ใช่อำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศไว้ 3 ประการ<br />
<span style="background-color: orange;">ก. </span>อำนาจการปกครอง ข. อำนาจนิติบัญญัติ<br />
ค. อำนาจบริหารง. อำนาจตุลาการ<br />
<br />
18.ใครเป็นผู้กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี<br />
ก. ประชาชน ข. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว<br />
ค. ประธานสภาผู้แทนฯ <span style="background-color: orange;">ง.</span> กฎหมาย<br />
<br />
19.กฏหมายในข้อใดที่รัฐบาลประกาศใช้ได้โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของรัฐสภา<br />
ก. กฎหมายรัฐธรรมนูญ ข. พระราชกฤษฎีกา<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> พระราชกำหนด ง. พระราชบัญญัติ<br />
<br />
<br />
20.สิ่งใดที่รัฐ กระทำมิได้ตามกฎหมาย<br />
ก. ให้เสรีภาพประชาชนในการนับถือศาสนา<br />
ข. ให้เสรีภาพประชาชนในการเดินทางในประเทศ<br />
ค. ให้เสรีภาพในการเลือกถิ่นที่อยู่อาศัย<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ให้เงินอุดหนุนหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนของเอกชน<br />
<br />
21.บุคคลที่จะเป็นคนไร้ความสามารถได้เมื่อใด<br />
ก. แพทย์สั่ง ข. เจ้าหน้าที่รัฐสั่ง ค. บิดามารดาสั่ง <span style="background-color: orange;">ง.</span> ศาลสั่ง<br />
<br />
22.กฎหมายอาญาเป็นกฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับเรื่องใด<br />
ก. ลักษณะการกระทำและสภาพจิตใจ<br />
ข. ลักษณะความผิดและบทลงโทษ<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> ลักษณะของการรับผิดชอบทางอาญา<br />
ง. ลักษณะการกระทำที่เป็นความผิด<br />
<br />
23. การหมั้นของผู้เยาว์จะสมบูรณ์เมื่อได้รับจากใครเมื่อผู้เยาว์มีทั้งบิดาและมารดา<br />
ก. บิดาข. มารดา <span style="background-color: orange;">ค.</span> บิดาและมารดาง. บิดาหรือมารดา<br />
24.ข้อใดคือความหมายของวิชาเศรษฐศาสตร์<br />
ก. เป็นวิชาที่ศึกษาถึงระบบการซื้อขายสินค้าให้สมดุลกัน<br />
ข. เป็นวิชาที่ศึกษาถึงปัญหาขั้นพื้นฐานของมนุษย์ในการผลิต ผลิตอย่างไร เพื่อใคร<br />
ค. ศึกษาเกี่ยวกับการประกอบอาชีพให้ได้ผลผลิตพอกับความต้องการของตลาด<br />
<span style="background-color: orange;">ง. </span>ศึกษาเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้พอกับความต้องการของมนุษย์<br />
<br />
24.ในระบบการแลกเปลี่ยนสินค้ามีวงจรอย่างไร<br />
ก. ครัวเรือน ปัจจัยการผลิต สินค้า ผู้ผลิต<br />
<span style="background-color: orange;">ข. </span>ผู้ผลิต ปัจจัยการผลิต สินค้า ครัวเรือน<br />
ค. ครัวเรือน ผู้ผลิต ปัจจัยการผลิต สินค้า<br />
ง. ผู้ผลิต ครัวเรือน ปัจจัยการผลิต สินค้า<br />
<br />
25. รายได้ประชาชาติหมายถึงข้อใด<br />
ก. มูลค่าของสินค้าและการบริการขั้นปฐมภูมิ โดยคิดราคารวมในระยะเวลา1 ปี<br />
ข. มูลค่าของสินค้าและการบริการขั้นสุดท้าย โดยคิดราคารวมในระยะเวลา1 ปี<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> รายได้ของประชากรรวมกันทั้งในและต่างประเทศ คิดจากการขายสินค้าและบริการในช่วงระยะเวลา 1 ปี<br />
ง. มูลค่าของสินค้าและการบริการขั้นสุดท้าย โดยคิดเป็นตัวเงินที่ผลิตขึ้นจากทรัพยากรในประเทศในระยะเวลา 1 ปี<br />
<br />
26. เงินทำหน้าที่อย่างไร จึงถือว่ามีความสำคัญต่อผู้ปริโภคและผู้ผลิต<br />
<span style="background-color: orange;">ก. </span>เป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน ข. เก็บมูลค่าของสินค้า<br />
ค. มาตรฐานชำระหนี้ในอนาคต ง. เป็นมาตรฐานการวัดมูลค่า<br />
<br />
27.ข้อใดหมายถึง สภาพคล่องตัวสูง ในแง่ของเงิน<br />
ก. สามารถแบ่งหรือเปลี่ยนเป็นส่วนย่อยได้ โดยมูลค่าคงที่<br />
<span style="background-color: orange;">ข.</span> เปลี่ยนเป็นสิ่งของหรือบริการอย่างอื่นได้ทันที<br />
ค. ขนย้ายหรือพกพาได้สะดวก<br />
ง. มีมูลค่าคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย<br />
<br />
28.ธกส.เป็นสถาบันการเงินประเภทใด<br />
ก. บริษัทเงินทุน ข. ธนาคารพาณิชย์<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> ธนาคารของรัฐบาล ง. สหกรณ์<br />
<br />
29. หน้าที่สำคัญที่สุดของธนาคารแห่งประเทศไทยคืออะไร<br />
<span style="background-color: orange;">ก.</span> ออกและพิมพ์ธนบัตร ข. รักษาทุนสำรองเงินตรา<br />
ค. เป็นนายธนาคารของรัฐบาล ง. รักษาเสถียรภาพทางการเงินของชาติ<br />
<br />
30.หน่วยงานใดเป็นแกนหลักในการจัดทำงบประมาณแผ่นดิน<br />
ก. กรมบัญชีกลาง <span style="background-color: orange;">ข.</span> สำนักงานงบประมาณ<br />
ค. กระทรวงการคลัง ง. ธนาคารแห่งประเทศไทย<br />
<br />
31. สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติเป็นหน่วยงานในสังกัดใด<br />
ก. กระทรวงมหาดไทยข. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> สำนักนายกรัฐมนตรีง. กระทรวงการคลัง<br />
<br />
32. คำว่า ภาษี เริ่มใช้ในรัชกาลใด<br />
ก. รัชกาลที่ 1 ข. รัชกาลที่ 2 ค. รัชการที่ 3 <span style="background-color: orange;">ง.</span> รัชกาลที่ 4<br />
<br />
33.ภาวะเงินเฟ้อ มีผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยส่วนรวมอย่างไร<br />
ก. สินค้าล้นตลาด ข. การว่างงานสูงขึ้น<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> ราคาสินค้าสูงขึ้น ง. สินค้ามีราคาดุลยภาพ<br />
<br />
34.ข้อใดเป็นนโยบายที่รัฐใช้ในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ<br />
ก. ลดอัตราภาษีอากร <span style="background-color: orange;">ข.</span> ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก<br />
ค. เพิ่มรายจ่ายในส่วนของรัฐมากขึ้น<br />
ง. เลื่อนโครงการใหญ่ๆไปทำในอนาคต<br />
<br />
35.สาเหตุของเงินฝืด คือข้อใด<br />
ก. มีปริมาณเงินทุนหมุนเวียนในประเทศมาก<br />
ข. มีปริมาณสินค้ามากเกินความต้องการ<br />
<span style="background-color: orange;">ค.</span> มีปริมาณสินค้าน้อยไม่พอขาย<br />
ง. ราคาของปัจจัยการผลิตสูง<br />
<br />
36.ข้อใดคือวรรณกรรมที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งเป็นคัมภีร์ทางศาสนาอินเดีย<br />
<span style="background-color: orange;">ก.</span> พระเวท ข. สามเวท ค. ไตรเวท ง. มหากาพย์ภารตะ<br />
<br />
37.การปกครองของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนเป็นคำกล่าวของใคร<br />
ก. ยอร์จ วิชิงตัน <span style="background-color: orange;">ข.</span> อับราฮัม ลินคอล์น<br />
ค. โทมัส เจฟเฟอร์สัน ง. แฟรงคลิน ดี รูสเวลส์<br />
<br />
38.จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของ องค์การสหประชาชาติ คือข้อใด<br />
ก. ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน<br />
ข. ส่งเสริมกฎหมายระหว่างประเทศ<br />
ค. บูรณะประเทศที่เสียหายจากสงคราม<br />
<span style="background-color: orange;">ง.</span> ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างนประเทศ<br />
<br />
39 สาเหตุอะไรที่ทำให้ฝนมีสภาพเป็นกรด<br />
ก. ไนโตรเจนออกไซด์ <span style="background-color: orange;">ข.</span> ซัลเฟอร์ไดออกไซด์<br />
ค. คาร์บอนไดออกไซค์ ง. คาร์บอนมอนออกไซค์<br />
<div>
<br /></div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-17060648605738256122013-09-03T08:53:00.003-07:002013-09-03T08:53:46.506-07:00ตอบคุณ mariya manyaคุณ mariya manya ถามคำถามที่น่าสนใจมาว่า<br />
5 x 625 x 5ยกกำลัง2 = ?<br />
<br />
เราสามารถ เปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกต้องและหาคำตอบได้ดังนี้<br />
5 x 625 x 5<sup>2</sup> = 5 x 5<sup>4</sup> x 5<sup>2</sup> = 5 <sup>1+4+2</sup> = 5<sup>7</sup><br />
<br />
<span style="font-size: x-small;">คุณ </span>mariya manya และทุกคนที่สนใจสามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่<br />
<a href="http://www.kruteeworld.com/">www.kruteeworld.com</a> หัวข้อเลขยกำลังIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-90025222441403559932013-09-03T08:46:00.003-07:002013-09-03T08:46:51.467-07:00ตัวอย่างโจทย์คณิตศาสตร์<span style="color: purple;">1. ผลต่างของ 4 เท่าของจำนวนๆหนึ่งกับ 20 เท่ากับ ผลบวกของ 10 กับ 2 เท่าของจำนวนนั้น จำนวนนั้นคือ จำนวนใด</span><br />
วิธีทำ ให้จำนวนนั้นคือ x<br />
ผลต่างของ 4 เท่าของจำนวนๆหนึ่งกับ 20 = 4x + 20<br />
ผลบวกของ 10 กับ 2 เท่าของจำนวนนั้น = 10 + 2x<br />
จะได้<br />
4x + 20 = 10+2x<br />
4x – 2x = 10 – 20<br />
2x = -10<br />
x = -10/2<br />
x = -5<br />
<br />
<span style="color: purple;">2. ก้อยมีเงิน 600 บาท ซื้อสมุด 3 เล่ม แล้วเหลือเงิน 210 บาทสมุดค่าเล่มละเท่าไหร่</span><br />
วิธีทำ ให้สมุดราคาเล่มละ m บาท<br />
จะได้สมการคือ<br />
600 – 3x = 210<br />
-3x = 210 – 600<br />
-3x = -390<br />
x = -390/ -3<br />
x = 130<br />
<br />
<span style="color: blue;">พื้นที่และปริมาตรของรูปทรง</span><br />
<span style="color: purple;">1. สามเหลี่ยมรูปหนึ่งฐานกว้าง 12 นิ้ว สูง 9 นิ้ว</span><br />
<span style="color: red;">พื้นที่ = (1/2) × ฐาน × สูง</span> = (1/2) × 12 × 9 = 6×9 = 54 ตารางนิ้ว<br />
<span style="color: purple;">2. สี่เหลี่ยมรูปหนึ่งมีความกว้าง 20 เมตร ยาว 24 เมตร </span><br />
2.1 มีเส้นรอบรูปยาว = 2×(กว้าง + ยาว)<br />
= 2×(20 + 24) = 2×44 = 88 เมตร<br />
2.2 มีพื้นที่ = กว้าง × ยาว = 20 × 24 = 480 ตารางเมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">3. สี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปหนึ่งมีพื้นที่ 16 ตารางนิ้ว</span><br />
3.1 แต่ละด้านมีขนาด<br />
<span style="color: red;">พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส = ด้าน × ด้าน </span><br />
16 = ด้าน × ด้าน<br />
4 × 4 = ด้าน × ด้าน<br />
ด้าน = 4 <br />
3.2 <span style="color: red;">เส้นรอบรูปยาว = 4 × ด้าน</span> = 4× 4 = 16 นิ้ว<br />
<br />
5. สระน้ำแห่งหนึ่งมีความกว้าง 10 เมตร ยาว 14 เมตร ลึก 5 เมตร จะสามารถบรรจุน้ำได้เท่าไหร่<br />
<span style="color: red;">ปริมาตรของสระ = กว้าง × ยาว × สูง</span><br />
= 10 × 14 × 5<br />
= 700 ลูกบากศ์เมตร<br />
<br />
<span style="color: blue;">หน่วยวัดต่างๆ</span><br />
1. น้ำหนักของคน ใช้หน่วยเป็น กิโลกรัม<br />
2. ขนาดของสมุด ใช้หน่วยเป็น เซนติเมตร, นิ้ว<br />
3. ระยะทางจากกรุงเทพถึงเลย ใช้หน่วยเป็น กิโลเมตร<br />
4. พื้นที่ของห้องเรียน ใช้หน่วยเป็น ตารางวา, ตารางเมตร<br />
5. ขนาดหน้าจอทีวี ใช้หน่วยเป็น นิ้ว<br />
6. น้ำหนักของข้าว ใช้หน่วยเป็น กิโลกรัม, ตัน, ถัง<br />
<br />
<span style="color: blue;">โจทย์ระคน</span><br />
<span style="color: purple;">1. ฟ้ามีเงิน 3,600 บาทไปซื้อเสื้อ คิดเป็น 2 ใน 9 ของเงินที่ฟ้ามีอยู่</span><br />
1.1 เสื้อราคา = (2/9) x 3600 = 7200/9 = 800 บาท<br />
1.2 ถ้านำเงินที่เหลือไปซื้อหนังสือ คิดเป็น 3 ใน 8 ของเงินที่เหลือ ฟ้าจะเหลือเงินกี่บาท<br />
ฟ้าจะเหลือเงิน 3600 – 800 = 3200 บาท<br />
นำๆไปซื้อหนังสือ 3 ใน 8<br />
หนังสือราคา = (3/8) x 3200 = 9600/8 = 1200 บาท<br />
ฟ้าจะเหลือเงิน 3200 – 1200 = 2000 บาท<br />
<br />
<span style="color: purple;">2. โรงเรียนแห่งหนึ่งมีนักเรียน 1,250 คนขาดเรียนไป 8% นักเรียนขาดเรียนกี่คน</span><br />
วิธีทำ 8% ของ 1250 = (8/100) x 1250 = 10000/100 = 100 คน<br />
<br />
<span style="color: purple;">3. พ่อซื้อทองมาราคา 20,000 บาท ขายไปที่ราคา 24,000 บาท พ่อมีกำไรร้อยละเท่าใด</span><br />
วิธีทำ ได้กำไร 24000 – 20000 = 4000 บาท<br />
ได้กำไรคิดเป็นร้อยละ (4000 x 100)/2000 = 20 <br />
<br />
<span style="color: purple;">4. ถ้าฝนเดินทางจากบ้านเดินด้วยอัตราเร็ว 40 เมตร/นาที ใช้เวลา 4 นาทีครึ่ง ตลาดอยู่ห่างจากบ้านฝนกี่เมตร</span><br />
จาก อัตราเร็ว 40 เมตร/นาที หมายถึง<br />
1 นาที ฝนเดินทางได้ 40 เมตร<br />
4 นาทีครึ่ง ฝนเดินทางได้ 40 x 4.5 = 160 เมตร<br />
หรือ ใช้สูตร ระยะทาง = อัตรเร็ว x เวลา<br />
จะได้ ระยะทาง 40 x 4.5 = 160 เมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">5. พ่อเดินด้วยอัตราเร็ว 50 เมตรต่อนาที ถ้าบ้านกับร้านค้าอยู่ห่างกัน 1.5 กิโลเมตร พ่อต้องใช้เวลาเดินกี่นาที</span><br />
จาก อัตราเร็ว 50 เมตร/นาที หมายถึง<br />
ระยะทาง 50 เมตร ต้องใช้เวลา 1 นาที<br />
ระยะทาง 1 เมตร ต้องใช้เวลา 1/50 นาที<br />
ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร(1500 เมตร) ต้องใช้เวลา 1/50 นาที<br />
= (1/50) x 1500 = 1500 / 50 = 30 นาที<br />
<br />
<br />
<br />
<div>
<br /></div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-68341661298032309962013-08-27T10:23:00.000-07:002013-08-27T10:23:16.894-07:00เลขยกกำลัง โดยใช้สูตรตัวอย่างโจทย์ เรื่องเลขยกกำลัง โดยใช้สูตรลัด<br />
ชุดที่ 1<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-2tQP4k_AlPE/Uhze9Y6WmtI/AAAAAAAACQ0/1Q4PL2GABng/s1600/power-ex001.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-2tQP4k_AlPE/Uhze9Y6WmtI/AAAAAAAACQ0/1Q4PL2GABng/s1600/power-ex001.GIF" /></a></div>
<br />
ชุดที่ 2<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-d5ZPpg50v5Y/UhzgF8sT01I/AAAAAAAACRM/A_IGVwOo7Y4/s1600/power-ex002-1.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-d5ZPpg50v5Y/UhzgF8sT01I/AAAAAAAACRM/A_IGVwOo7Y4/s1600/power-ex002-1.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-56877100904108229192013-08-26T09:01:00.000-07:002013-08-26T09:01:38.291-07:00โจทย์โจทย์คณิตศาสตร์ตัวอย่างเพิ่มเติม การคำนวณพื้นฐาน<br />
<span style="color: blue;">1.</span> <span style="color: purple;">4 + (5-18) - (- 6)</span> = 4 - 13 + 6 = -9 + 6 = -3<br />
<span style="color: blue;">2.</span><span style="color: purple;"> 6 – (7- 10) × 4 +11</span> = 6 -(-3)x4 +10 = 6 + 12 + 10 = 28<br />
<span style="color: blue;">3.</span><span style="color: purple;"> (45÷3) + 24÷(-2)</span> = 15 – 12 = 3<br />
<span style="color: blue;">4.</span> <span style="color: purple;">|-3| + |-7| - |-5|</span> = 3 + 7 – 5 = 5<br />
<span style="color: blue;">5.</span><span style="color: purple;"> |-8-7| + |2 - 5|</span> = |-15| + |-3| = 15 + 3 = 18<br />
<span style="color: blue;">6.</span> <span style="color: purple;">|7×4 - 40| - |22 + 3×(-8)|</span> = |28 - 40| - |22 - 24| = |-12| - |-2| = 12 – 2 = 10<br />
<span style="color: blue;">7.</span> <span style="color: purple;">5<sup>2</sup> + (-4)<sup>2</sup> + (-3)<sup>3</sup></span> = 25 +16 – 27 = 41 – 27 = 14<br />
<span style="color: blue;">8.</span> <span style="color: purple;">(4 - 11)<sup>2</sup> + (3 - 14)<sup>2</sup></span> = (-7)<sup>2</sup> + (-11)<sup>2</sup> = 49 + 121 = 170<br />
<span style="color: blue;">9.</span> <span style="color: purple;">10<sup>2</sup> - 8<sup>2</sup> - (-17)</span> = 100 - 64 +17 = 36 - 17 = 19<br />
<span style="color: blue;">10.</span> <span style="color: purple;">|4<sup>3</sup> - 9<sup>2</sup>| - |16-(-24)|</span> = |64- 81| - |16+24| = |-17| - |40| = 17 – 40 = -23<br />
<br />
<span style="color: red;">รากที่ 2 ชุดที่1</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-g6O9NUtRJK4/Uht7JZ_HuPI/AAAAAAAACQY/9Q8v1YkhQhk/s1600/root-ex-568-01.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-g6O9NUtRJK4/Uht7JZ_HuPI/AAAAAAAACQY/9Q8v1YkhQhk/s1600/root-ex-568-01.GIF" /></a></div>
<span style="color: red;"><br /></span>
<span style="color: red;">รากที่2 ชุดที่ 2</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-NJEH5LuEEwI/Uht7hUSinuI/AAAAAAAACQk/GbuYcLSqSZ4/s1600/root-ex-568-02.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-NJEH5LuEEwI/Uht7hUSinuI/AAAAAAAACQk/GbuYcLSqSZ4/s1600/root-ex-568-02.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<span style="color: red;"><br /></span>
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-24100612142933539632013-08-22T08:41:00.000-07:002013-08-22T08:44:26.761-07:00แนวข้อสอบคณิตศาสตร์-1แนวข้อสอบ<br />
ข้อให้นักศึกษาอ่านทำความเข้าใจโจทย์ปัญหา เหล่านี้เพื่อนำไปใช้ในการสอบ<br />
<span style="color: red;">ชุดที่1</span><br />
<span style="color: blue;">1.</span> 4 + (5-18) - (- 6) = 4 - 13 + 6 = -9 + 6 = -3<br />
<span style="color: blue;">2.</span> 6 – (7- 10) × 4 +11 = 6 -(-3)x4 +10 = 6 + 12 + 10 = 28<br />
<span style="color: blue;">3.</span> (45÷3) + 24÷(-2) = 15 – 12 = 3<br />
<span style="color: blue;">4.</span> |-3| + |-7| - |-5| = 3 + 7 – 5 = 5<br />
<span style="color: blue;">5.</span> |-8-7| + |2 - 5| = |-15| + |-3| = 15 + 3 = 18<br />
<span style="color: blue;">6.</span> |7×4 - 40| - |22 + 3×(-8)| = |28 - 40| - |22 - 24| = |-12| - |-2| = 12 – 2 = 10<br />
<span style="color: blue;">7.</span> 5<sup>2</sup> + (-4)<sup>2</sup> + (-3)<sup>3</sup> = 25 +16 – 27 = 41 – 27 = 14<br />
<span style="color: blue;">8.</span> (4 - 11)<sup>2</sup> + (3 - 14)<sup>2</sup> = (-7)<sup>2</sup> + (-11)<sup>2</sup> = 49 + 121 = 170<br />
<span style="color: blue;">9.</span> 10<sup>2</sup> - 8<sup>2</sup> - (-17) = 100 - 64 +17 = 36 - 17 = 19<br />
<span style="color: blue;">10.</span> |4<sup>3</sup> - 9<sup>2</sup>| - |16-(-24)| = |64- 81| - |16+24| = |-17| - |40| = 17 – 40 = -23<br />
<br />
<span style="color: red;">ชุดที่2 </span><br />
โปรดติดตามต่อไป....<br />
<div>
<br /></div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-2435019520112010442013-08-22T08:30:00.000-07:002013-08-22T08:31:46.338-07:00เฉลยข้อสอบกลางภาค<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-kxukQJTVTfs/UhYt1j7Pj_I/AAAAAAAACP0/k-ohHNpZAdE/s1600/math-mid-561-01.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-kxukQJTVTfs/UhYt1j7Pj_I/AAAAAAAACP0/k-ohHNpZAdE/s1600/math-mid-561-01.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-2qsCV27YtNs/UhYt_TDAXOI/AAAAAAAACP8/cxowE5jjLe4/s1600/math-mid-561-02.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-2qsCV27YtNs/UhYt_TDAXOI/AAAAAAAACP8/cxowE5jjLe4/s1600/math-mid-561-02.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-wpuQdmLWcKo/UhYuKoqXXEI/AAAAAAAACQE/dCP4rI0mYhw/s1600/math-mid-561-03.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-wpuQdmLWcKo/UhYuKoqXXEI/AAAAAAAACQE/dCP4rI0mYhw/s1600/math-mid-561-03.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-19940587359260612212013-08-21T10:11:00.000-07:002013-08-22T08:26:36.746-07:00เฉลยใบงาน-การแทนนค่า<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
การแทนค่า<br />
<span style="color: blue;">การแทนค่าของ 1 ตัวแปรและ 2 ตัวแปร</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-IfeOwKFPDcw/UhTzkhjFoqI/AAAAAAAACPM/7QsVQvvzoVE/s1600/subsitute-sol-568-01.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-IfeOwKFPDcw/UhTzkhjFoqI/AAAAAAAACPM/7QsVQvvzoVE/s1600/subsitute-sol-568-01.GIF" /></a></div>
<span style="color: blue;">การแทนค่าในสัญลักษณ์ของฟังก์ชั่น</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/--QLk5UCJLSU/UhTzvmSiPbI/AAAAAAAACPU/iZhip0s17ig/s1600/subsitute-sol-568-02.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/--QLk5UCJLSU/UhTzvmSiPbI/AAAAAAAACPU/iZhip0s17ig/s1600/subsitute-sol-568-02.GIF" /></a></div>
<br />
<span style="color: blue;">การประยุกต์การแทนค่า ช่วยในการหาคำตอบ</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-glQdvvaezfQ/UhTz0CeIhwI/AAAAAAAACPc/4qPvL8lObBw/s1600/subsitute-sol-568-03.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-glQdvvaezfQ/UhTz0CeIhwI/AAAAAAAACPc/4qPvL8lObBw/s1600/subsitute-sol-568-03.GIF" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-8PtizGd2usU/UhTz4aK1SFI/AAAAAAAACPk/9t2bRH-FurI/s1600/subsitute-sol-568-04.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-8PtizGd2usU/UhTz4aK1SFI/AAAAAAAACPk/9t2bRH-FurI/s1600/subsitute-sol-568-04.GIF" /></a></div>
<br />
<span style="color: blue;">หมายเหตุ</span> นักศึกษาหรือผู้สนใจ ใบงานเรื่องนี้สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่<br />
<a href="http://www.kruteeworld.com/">http://www.kruteeworld.com</a> ที่หัวข้อ ดาวน์โหลด กศนIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-75398054784850778612013-08-21T10:04:00.004-07:002013-08-21T10:15:47.749-07:00เฉลยใบงาน-เรื่องรากที่2<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
ความหมายของรากที่ 2 จะอยู่ในเรื่อง เฉลยใบงานทฤษฎีบทปีทาโกรัส</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="color: blue;">การบวก-ลบ รากที่2</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-0zqzqF6qCsA/UhTxFeop6lI/AAAAAAAACOY/_fDFmB1nxe0/s1600/root-sol-568-01.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-0zqzqF6qCsA/UhTxFeop6lI/AAAAAAAACOY/_fDFmB1nxe0/s1600/root-sol-568-01.GIF" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="color: blue;">การถอดรากที่ 2</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-y32Y7bKpLO0/UhTxcXV5e_I/AAAAAAAACOo/JuCdKTjeHb8/s1600/root-sol-568-02.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-y32Y7bKpLO0/UhTxcXV5e_I/AAAAAAAACOo/JuCdKTjeHb8/s1600/root-sol-568-02.GIF" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="color: blue;">การคูณรากที่ 2</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-itssAKQtrp4/UhTxi-99_OI/AAAAAAAACOw/BLz3lpJFDeA/s1600/root-sol-568-03.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-itssAKQtrp4/UhTxi-99_OI/AAAAAAAACOw/BLz3lpJFDeA/s1600/root-sol-568-03.GIF" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="color: blue;">การหารรากที่ 2</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-Qv7QOH_88nc/UhTxsgA0WHI/AAAAAAAACO4/YO0z-Xw0zns/s1600/root-sol-568-04.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-Qv7QOH_88nc/UhTxsgA0WHI/AAAAAAAACO4/YO0z-Xw0zns/s1600/root-sol-568-04.GIF" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="color: blue;">โจทย์ระคนหรือโจทย์ยาก</span></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<span style="color: red;">แนวคิด</span> ใช้กฎการกระจายหรือการแจกแจง คือ <span style="color: red;">x</span>(y + z) = <span style="color: red;">x</span>y + <span style="color: red;">x</span>y มาใช้</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-bOQJ8B0AZRI/UhTxyHljysI/AAAAAAAACPA/oJvE_4dPcWw/s1600/root-sol-568-05.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-bOQJ8B0AZRI/UhTxyHljysI/AAAAAAAACPA/oJvE_4dPcWw/s1600/root-sol-568-05.GIF" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both;">
หมายเหตุ นักศึกษาหรือผู้สนใจ ใบงานเรื่องนี้สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่ </div>
<div class="separator" style="clear: both;">
<a href="http://www.kruteeworld.com/">http://www.kruteeworld.com</a> ที่หัวข้อ ดาวน์โหลด กศน</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: left;">
<br /></div>
<br />
<div>
<br /></div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-48665362766853299222013-08-21T09:51:00.000-07:002013-08-21T09:51:30.031-07:00เฉลยใบงาน-เศษส่วน2เฉลยใบงาน-เศษส่วน ชุดที่ 2<br />
การคูณเศษส่วนแบบตัดทอนก่อนไม่ได้<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-iw-bAh4bJ8Y/UhTuA_6PQnI/AAAAAAAACNs/ij2lBFCWw1A/s1600/fraction-sol-568-01.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-iw-bAh4bJ8Y/UhTuA_6PQnI/AAAAAAAACNs/ij2lBFCWw1A/s1600/fraction-sol-568-01.GIF" /></a></div>
<div>
<br /></div>
การคูณเศษส่วนแบบตัดทอนก่อนได้<br /><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-3fdpeAf2tDU/UhTuSerHN-I/AAAAAAAACN0/5_s0EIOacyA/s1600/fraction-sol-568-02.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-3fdpeAf2tDU/UhTuSerHN-I/AAAAAAAACN0/5_s0EIOacyA/s1600/fraction-sol-568-02.GIF" /></a></div>
<br />
การคูณจำนวนคละ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-YHVNsi-1FJE/UhTue8fS6MI/AAAAAAAACN8/wszf53lX4vc/s1600/fraction-sol-568-03.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-YHVNsi-1FJE/UhTue8fS6MI/AAAAAAAACN8/wszf53lX4vc/s1600/fraction-sol-568-03.GIF" /></a></div>
การหารเศษส่วน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-ChwHsLytYuM/UhTupyoRYLI/AAAAAAAACOE/H837ghl75_4/s1600/fraction-sol-568-04.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-ChwHsLytYuM/UhTupyoRYLI/AAAAAAAACOE/H837ghl75_4/s1600/fraction-sol-568-04.GIF" /></a></div>
โจทย์ปัญหาเกี่ยวเศษส่วน<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-m7YQ9fPwMG8/UhTu0iNUeZI/AAAAAAAACOM/gWzMfhp1Js4/s1600/fraction-sol-568-05.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-m7YQ9fPwMG8/UhTu0iNUeZI/AAAAAAAACOM/gWzMfhp1Js4/s1600/fraction-sol-568-05.GIF" /></a></div>
<br />
<span style="color: blue;">หมายเหตุ</span> นักศึกษาหรือผู้สนใจ ใบงานเรื่องนี้สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่<br />
<a href="http://www.kruteeworld.com/">http://www.kruteeworld.com</a> ที่หัวข้อ ดาวน์โหลด กศน<br />
<br />
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-6224609081690411892013-08-20T10:17:00.000-07:002013-08-20T10:17:47.546-07:00เฉลยใบงาน-ทฤษฎีบทปีทาโกรัส<span style="color: red;">เฉลยใบงาน-ทฤษฎีบทปีทาโกรัส</span><br />
<span style="color: blue;">พื้นฐานที่ควรทราบ</span><br />
<span style="color: purple;">ความหมายของเลขยกกำลังและการเขียนจำนวนต่างๆให้อยู่ในรูปของเลขยกำลัง</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-zSKhfOzSmVw/UhOepkM0TQI/AAAAAAAACLk/6LjJAWrH_Xo/s1600/pythagorus-ex01.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-zSKhfOzSmVw/UhOepkM0TQI/AAAAAAAACLk/6LjJAWrH_Xo/s1600/pythagorus-ex01.GIF" /></a></div>
<span style="color: blue;">รากที่2 ของจำนวนเต็ม</span><br />
<span style="color: purple;">ความหมายของรากที่ 2</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-afuaLB0NYU4/UhOh6OeyPtI/AAAAAAAACMY/vH1RU8dhWUU/s1600/pythagorus-ex02-new.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-afuaLB0NYU4/UhOh6OeyPtI/AAAAAAAACMY/vH1RU8dhWUU/s1600/pythagorus-ex02-new.GIF" /></a></div>
<br />
<span style="color: purple;">การหาค่าของรากที่ 2 การถอดรากโดยวิธีการดึงตัวซ้ำ</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-9rIxrV7Wtlw/UhOfDKaj2gI/AAAAAAAACL0/P4wKxbs2qsk/s1600/pythagorus-ex03.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-9rIxrV7Wtlw/UhOfDKaj2gI/AAAAAAAACL0/P4wKxbs2qsk/s1600/pythagorus-ex03.GIF" /></a></div>
<br />
<span style="color: purple;">การแก้สมการรากที่ 2 แบบง่าย</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-qn5NR9-E79I/UhOfWi9BXkI/AAAAAAAACL8/UQhtxAlJSoE/s1600/pythagorus-ex04.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-qn5NR9-E79I/UhOfWi9BXkI/AAAAAAAACL8/UQhtxAlJSoE/s1600/pythagorus-ex04.GIF" /></a></div>
<br />
<span style="color: purple;">โจทย์เกี่ยวรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก แก้ปัญหาโดยใช้ทฤษฎีบทปีทากอรัส</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-Dsq2yFYcYj4/UhOfjwNzTdI/AAAAAAAACME/Y1YKs0y7OwM/s1600/pythagorus-ex05.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-Dsq2yFYcYj4/UhOfjwNzTdI/AAAAAAAACME/Y1YKs0y7OwM/s1600/pythagorus-ex05.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-VXJ8RwSbnSQ/UhOiCOBToBI/AAAAAAAACMg/WYD2nFmkr9o/s1600/pythagorus-ex06.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-VXJ8RwSbnSQ/UhOiCOBToBI/AAAAAAAACMg/WYD2nFmkr9o/s1600/pythagorus-ex06.GIF" /></a></div>
<span style="color: purple;">โจทย์ปัญหา</span><br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-XmGfi_NUQXA/UhOf_luKhJI/AAAAAAAACMM/-m_ZhO3Yy4I/s1600/pythagorus-ex07.GIF" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-XmGfi_NUQXA/UhOf_luKhJI/AAAAAAAACMM/-m_ZhO3Yy4I/s1600/pythagorus-ex07.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com2tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-82705692789087114602013-08-13T10:22:00.000-07:002013-08-26T09:06:57.308-07:00คณิตศาสตร์-รูปสี่เหลี่ยม <span style="color: purple;">สรุปเนื้อหาเกี่ยวกับรูปสี่เหลี่ยม</span><br />
<span style="color: blue;">ชนิดของรูปสี่เหลี่ยม</span><br />
1. สี่เหลี่ยมที่มีทุกด้านเท่ากันและทุกมุมเป็นมุมฉาก เรียกว่า <span style="color: blue;">สี่เหลี่ยมจัตุรัส</span><br />
2. สี่เหลี่ยมที่มีด้านตรงข้ามเท่ากัน 2 คู่ และทุกมุมเป็นมุมฉาก เรียกว่า <span style="color: blue;">สี่เหลี่ยมผืนผ้า</span><br />
3. สี่เหลี่ยมที่มีทุกด้านเท่ากันและทุกมุมไม่เป็นมุมฉาก เรียกว่า <span style="color: blue;">สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน</span><br />
4. สี่เหลี่ยมที่มีด้านตรงข้ามเท่ากัน 2 คู่ และทุกมุมเป็นไม่มุมฉาก เรียกว่า <span style="color: blue;">สี่เหลี่ยมด้านขนาน</span><br />
5. สี่เหลี่ยมที่มีด้านติดกันยาวเท่ากัน 2 คู่ เรียกว่า <span style="color: blue;">สี่เหลี่ยมรูปว่าว</span><br />
6. สี่เหลี่ยมที่มีด้านขนาน 1 คู่ เรียกว่า <span style="color: blue;">สีเหลี่ยมคางหมู</span><br />
7. สีเหลี่ยมที่ไม่มีด้านและมุมใดที่ยาวเท่ากัน เรียกว่า <span style="color: blue;">สี่เหลี่ยมด้านไม่เท่าหรือสี่เหลี่ยมใด</span><br />
<br />
<span style="color: blue;">เส้นทแยงมุม</span> คือ เส้นที่ลากจากมุมหนึ่งไปยังมุมที่อยู่ตรงข้าม<br />
เส้นทแยงมุมของรูปสี่เหลี่ยม จะมี 2 เส้น<br />
<br />
<span style="color: blue;">สูตร</span><br />
สูตรเส้นรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยม = ผลรวมของด้านทั้ง 4<br />
สูตรพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยม<br />
พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส = ด้าน × ด้าน<br />
พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า = กว้าง × ยาว หรือ ฐาน × สูง<br />
พื้นที่รูปสีเหลี่ยมด้านขนาน = ฐาน × สูง<br />
พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน และ สี่เหลี่ยมรูปว่าว = (1/2) ×ผลคูณของเส้นทแยงมุม<br />
พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมคางหมู = (1/2) × สูง x ผลบวกของด้านคู่ขนาน<br />
<div>
<br /></div>
<div>
<span style="color: #cc0000;">ตัวอย่างโจทย์</span><br />
<span style="color: blue;">ชุดที่ 1</span><br />
<span style="color: purple;">1. สนามหญ้าแห่งหนึ่งเป็นรูปสี่ผืนผ้า มีความกว้าง 18 เมตรและความยาว 20 เมตร</span><br />
<span style="color: blue;">1.1) สนามหญ้าแห่งนี้จะมีพื้นที่เท่าไหร่</span><br />
วิธีทำ พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า = กว้าง × ยาว = 18 ×20 = 360 ตารางเมตร<br />
<br />
<span style="color: blue;">1.2) ถ้าฝนวิ่งรอบสนามหญ้าแห่งนี้ทุกวันวันละ 15 รอบ จะได้ระยะทางกี่เมตร</span><br />
วิธีทำ การหาระยะที่ฝนวิ่งหาได้จาก ความยาวเส้นรอบรูปของสี่เหลี่ยม<br />
เส้นรอบรูปของรูปสี่เหลี่ยม = ผลรวมของด้านทั้ง 4 = 18 + 20 + 18 + 20 = 76 เมตร<br />
ฝนวิ่งวันละ 15 รอบจะได้ระยะทาง = 76 × 15 = 1140 เมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">2. พื้นห้องแห่งหนึ่งกว้าง 8 เมตร ยาว 10 เมตร ถ้าต้องการปูนกระเบื้องขนาด 50×50 เซนติเมตร</span><br />
<span style="color: blue;">2.1) ต้องใช้กระเบื้องทั้งหมดกี่แผ่น</span><br />
วิธีทำ แนวคิด 1 เมตร = 100 เซนติเมตร<br />
ความกว้าง 8 เมตร = 8 ×100 = 800 เซนติเมตร<br />
ความยาว 10 เมตร = 10 ×100 = 1000 เซนติเมตร<br />
พื้นห้องจะมีพื้นที่ = กว้าง×ยาว = 800 × 1000 = 800000 ตารางเซนติเมตร<br />
กระเบื้อง1 แผ่นมีพื้นที่ 50×50 = 2500 ตารางเซนติเมตร<br />
ต้องใช้กระเบื้อง 800000 / 2500 = 320 แผ่น<br />
<br />
<span style="color: blue;">2.2) ถ้ากระเบื้องแผ่นละ 40 บาทต้องใช้เงินกี่บาท</span><br />
วิธีทำ ต้องใช้เงิน 320 × 40 = 12800 บาท</div>
<div>
<br />
<span style="color: blue;">ชุดที่ 2</span><br />
<span style="color: blue;">1. สี่เหลี่ยมจัตุรัสรูปหนึ่ง มีด้านหนึ่งยาว 7 เซนติเมตร แล้ว</span><br />
1.1 จะมีพื้นที่ = ด้าน × ด้าน = 7 × 7 = 49 ตร.ซม.<br />
1.2 จะมีความยาวเส้นรอบรูป = 4×ด้าน = 4×7 = 28 ซม.<br />
<br />
<span style="color: blue;">2. สี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปหนึ่ง มีด้านกว้าง 4 ซม.ความยาว 8 ซม. แล้ว</span><br />
2.1 จะมีพื้นที่ = กว้าง × ยาว = 4 × 8 = 32 ตร.ซม.<br />
2.2 จะมีความยาวเส้นรอบรูป = 2×(กว้าง +ยาว) = 2×(4 + 8) = 2×12 = 24 ซม.<br />
<br />
<span style="color: blue;">3. ลูกเต๋าลูกหนึ่ง มีแต่ละด้าน 2 ซม. จะมีพื้นที่ผิวเท่าไหร่</span><br />
<span style="color: purple;">วิธีทำ</span> แต่ละหน้าของลูกเต๋า เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จำนวน 6 รูป<br />
พื้นที่ผิวของลูกเต๋า<br />
= 6 × พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส<br />
= 6 × 2 × 2<br />
= 24 ตร.ซม.<br />
<br />
<span style="color: blue;">พื้นห้องกว้าง 6 เมตร ยาว 9 เมตร ถ้าการปูกระเบื้องรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขนาน 30 ซม. ต้องใช้กระเบื้องกี่แผ่น</span><br />
<span style="color: purple;">วิธีทำ</span> เปลี่ยนหน่วยให้เหมือนกันก่อน (1 เมตร = 100 เซนติเมตร)<br />
ห้องกว้าง 6 เมตร = 6 ×100 = 600 ซม.<br />
ห้องยาว 9 เมตร = 9 ×100 = 900 ซม.<br />
มีพื้นที่ = 600 × 900 = 540000 ตร.ซม.<br />
พื้นที่ของกระเบื้อง = 30 × 30 = 900 ตร.ซม.<br />
ต้องใช้กระเบื้องจำนวน = 540000 / 900 = 600 แผ่น</div>
Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-80497073868271300672013-08-12T10:31:00.002-07:002013-08-21T09:53:43.687-07:00คณิตศาสตร์-รูปสามเหลี่ยมสรุปเนื้อหา เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยม<br />
1. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านเท่ากัน 2 ด้านเรียกว่า <span style="color: blue;">สามเหลี่ยมหน้าจั่ว</span><br />
2. รูปสามเหลี่ยมที่มีด้านเท่ากัน 3 ด้านเรียกว่า <span style="color: blue;">สามเหลี่ยมด้านเท่า</span><br />
3. รูปสามเหลี่ยมที่มี 1 มุม เป็นมุมฉาก เรียกว่า <span style="color: blue;">สามเหลี่ยมมุมฉาก</span><br />
4. รูปสามเหลี่ยมที่มีมุมหนึ่ง เป็นมุมป้าน เรียกว่า <span style="color: blue;">สามเหลี่ยมมุมป้าน</span><br />
5. สูตรพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม(แบบง่ายๆ) คือ <span style="color: purple;"> (1/2) x ฐาน x สูง โดยที่ 1/2 อ่านว่าเศษ 1 ส่วน 2) </span><br />
6. สูตรความยาวรูปของรูปสามเหลี่ยม คือ <span style="color: purple;">ผลบวกของความยาวทั้ง 3 ด้าน</span><br />
7. รูปสามเหลี่ยมมุมฉาก มีสูตรเกี่ยวกับความยาวระหว่างด้านทั้ง 3 คือ<br />
<span style="color: purple;">c<sup>2</sup> = a<sup>2</sup> + b<sup>2</sup></span> โดยที่<br />
<span style="color: purple;">c เป็นความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก หรือ ด้านที่ยาวที่สุด</span><br />
<span style="color: purple;">a และ b เป็นความยาวด้านประกอบมุมฉาก หรือด้านสั่นทั้ง 2 </span><br />
8. ผลบวกของขนาดของมุมภายในของสามเหลี่ยม เท่ากับ <span style="color: purple;">180 องศา หรือ 2 มุมฉาก (1 มุมฉาก เท่ากับมุม 90 องศา)</span><br />
<br />
<span style="color: blue;">ตัวอย่างโจทย์เกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยม</span><br />
<span style="color: purple;">1. สามเหลี่ยมรูปหนึ่งมีความยาวด้านทั้ง 3 เป็น 6, 10, 12 เซนติเมตร รูปสามเลี่ยมรูปนี้มีความยาวรอบรูปเท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ </span>ความยาวเส้นรอบรูปสามเหลี่ยม<br />
= ผลบวกของความยาวของด้านทั้ง 3<br />
= 6 + 10 + 12<br />
= 28 เซนติเมตร<br />
<span style="color: purple;">2. สามเหลี่ยมด้านเท่ารูปหนึ่งมีเส้นรอบรูป เท่ากับ 108 เซนติเมตร แต่ละด้านของรูปสามเหลี่ยมนี้ยาวเท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> ให้แต่ละด้านของรูปสามเหลี่ยมยาว x เซนติเมตร<br />
ความยาวเส้นรอบรูปสามเหลี่ยม = ผลบวกของความยาวของด้านทั้ง 3<br />
108 = x + x + x<br />
108 = 3x<br />
3x = 108<br />
x = 108/3<br />
x = 36<br />
<span style="color: purple;">3. สามเหลี่ยมหน้าจั่วรูปหนึ่งมีเส้นรอบรูป เท่ากับ 42 เมตร มีฐานยาว 18 เมตร มีด้านประกอบมยอดยาวด้านละเท่าไหร่</span><br />
วิธีทำ ให้ด้านประกอบมุมยอด m เมตร<br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ </span>ความยาวเส้นรอบรูปสามเหลี่ยม = ผลบวกของความยาวของด้านทั้ง 3<br />
42 = 18 + 2m<br />
18 + 2m = 42<br />
2m = 42 – 18<br />
2m = 24<br />
m = 24/2<br />
m = 12<br />
<span style="color: purple;">4. สามเหลี่ยมรูปหนึ่งมีแต่ละด้านยาว x + 2, x + 7, x – 3 เมตร มีเส้นรอบรูปยาว 39 เมตร</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> ความยาวเส้นรอบรูปสามเหลี่ยม = ผลบวกของความยาวของด้านทั้ง 3<br />
(x + 2) + (x + 7) + (x – 3) = 39<br />
x + 2 + x + 7 + x – 3 = 39<br />
3x + 6 = 39<br />
3x = 39 – 6<br />
3x = 33<br />
x = 33 / 3<br />
x = 11<br />
<br />
<span style="color: purple;">5. รูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่ง มีฐานยาว 14 เซนติเมตร และ สูง 18 เซนติเมตร จะมีพื้นที่เท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> สูตร พื้นที่สามเลี่ยม<br />
= (1/2) × ฐาน × สูง<br />
= (1/2) × 14 × 18 (ตัดทอน 2 และ 14 ด้วย 2 ก่อน)<br />
= 7 x 18<br />
= 126 ตารางเซนติเมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">6. รูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่ง มีฐานยาว 22 เซนติเมตร และ สูง 16 เซนติเมตร จะมีพื้นที่เท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> สูตร พื้นที่สามเลี่ยม<br />
= (1/2) × ฐาน × สูง<br />
= (1/2) × 22 × 16 (ตัดทอน 2 และ 16 ด้วย 2 ก่อน)<br />
= 22 x 8<br />
= 176 ตารางเซนติเมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">7. รูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่ง มีพื้นที่ 40 ตารางเมตร มีความสูง 10 เมตร จะมีฐานยาวเท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> สูตร พื้นที่สามเลี่ยม = (1/2) × ฐาน × สูง<br />
แทนค่า<br />
40 = (1/2) × ฐาน × 10<br />
80 = ฐาน × 10 (ย้าย 2 ขึ้นไปคูณกับ 40 ก่อน)<br />
ฐาน × 10 = 80<br />
ฐาน = 80 / 10<br />
ฐาน = 8 เมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">8. รูปสามเหลี่ยมรูปหนึ่ง มีพื้นที่ 120 ตารางเมตร มีฐานยาว 30 เมตร จะมีความสูงเท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> สูตร พื้นที่สามเลี่ยม = (1/2) × ฐาน × สูง<br />
แทนค่า<br />
120 = (1/2) × 30 × สูง<br />
120 = 15 × สูง (ตัดทอน 2 และ 30 ด้วย 2 ก่อน)<br />
15 × สูง = 120<br />
สูง = 120 / 15<br />
สูง = 8 เมตร<br />
<br />
<span style="color: purple;">9. สามเหลี่ยมมุมฉากรูปหนึ่ง มีด้านประกอบมุมฉากยาว 9 และ 12 จะมีด้านด้านประกอบมุมฉากยาวเท่าไหร่</span><br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> จากทฤษฎีบทปีทาโกรัส จะได้ว่า<br />
c<sup>2</sup> = a<sup>2</sup> + b<sup>2</sup><br />
c<sup>2</sup> = 9<sup>2</sup> + 12<sup>2</sup><br />
c<sup>2</sup> = 81 + 144<br />
c<sup>2</sup> = 225<br />
c = 15<br />
<br />
10. สามเหลี่ยมรูปหนึ่งมีมุมขนาดมุมภายในเป็น x + 15 , x + 25 และ 2x ตามลำดับ มุมที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดกี่องศา<br />
<span style="color: blue;">วิธีทำ</span> มุมภายในของรูปสามเหลี่ยม = 180<br />
แทนค่า <br />
(x + 15) + (x + 25) + 2x = 180<br />
x + 15 + x + 25 + 2x = 180<br />
4x + 40 = 180<br />
4x = 180 - 40<br />
4x = 140<br />
x = 140 / 4<br />
x = 35<br />
ดังนั้นแต่ละด้าน มีขนาด<br />
x + 15 = 35 + 15 = 50<br />
x + 25 = 35 + 25 = 60<br />
2x = 2 x 35 = 70<br />
มุมที่ใหญ่ที่สุดมีขนาด 70 องศาIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-44184283925811074832013-08-12T10:29:00.003-07:002013-08-12T10:29:16.300-07:00อาเซียนศึกษา-เติมคำ1. อาเซียน มีชื่อเต็มว่า <span style="color: blue;">สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ </span><br />
<span style="color: blue;">ASEAN ย่อมาจากคำว่า Association of South East Asian Nations</span> <br />
2. สัญลักษณ์ของอาเซียน คือ<span style="color: blue;"> รวงข้าว 10 รวง หมายถึง ประเทศ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียน</span><br />
3. บุคคลของไทยที่ร่วมก่อตั้งอาเซียนในสมัยแรกคือ <span style="color: blue;">พันเอก(พิเศษ) ถนัด คอมันต์</span><br />
4. การประชุมประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียน เรียกว่า <span style="color: blue;">การประชุมสุดยอดอาเซียน (ตามหนังสือแบบเรียน) หรือ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน</span><br />
5. ประเทศสมาชิกในอาเซียน มี 10 ประเทศ คือ<span style="color: blue;"> อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไรดารุสซาลาม เวียดนาม ลาว พม่า กัมพูชา (ตามลำดับของหนังสือแบบเรียน)</span><br />
6. เพลงประจำว่าอาเซียมีชื่อว่า <span style="color: blue;">The ASEAN Way</span><br />
7. คำขวัญของอาเซียนคือ <span style="color: blue;">หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งอัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม (One Vision, One Identity, One Community)</span><br />
8. สีในธงอาเซียน มีความหมายดังนี้<br />
<span style="color: blue;"> สีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพและความมั่นคง</span><br />
<span style="color: blue;"> สีแดง หมายถึง ความกล้าหาญและความก้าวหน้า</span><br />
<span style="color: blue;"> สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์</span><br />
<span style="color: blue;"> สีเหลือง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง</span><br />
8. เลขาธิการสมาคมอาเซียน อยู่ในวาระครั้งละ <span style="color: blue;">5 ปี</span><br />
9. AFTA ย่อมาจากคำว่า<span style="color: blue;"> ASEAN Free Trade Area เรียกว่า เขตการค้าเสรีเอเซียน</span><br />
10. ประเทศสุดท้ายที่เข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียน คือ <span style="color: blue;">กัมพูชา</span><br />
11. เสา 3 หลัก ของประคมอาเซียน (ASEAN Community) ประกอบด้วย<br />
<span style="color: blue;">ประชาคมความมั่นคงเอเซียน (ASC)</span><br />
<span style="color: blue;"> ประชาคมเศรษฐกิจเอเซียน (AEC)</span><br />
<span style="color: blue;"> ประชาคมสังคม-วัฒนธรรมเอเซียน (ASCC)</span><br />
12. กฎบัตรอาเซียน <span style="color: blue;">เปรียบเสมือนรัฐธรรมนูญของอาเซียนที่ทำให้อาเซียนมีสถานะเป็นนิติบุคคล เป็นการวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กรให้กับอาเซียน</span><br />
13. วัตถุประสงค์ของกฎบัตรอาเซียน คือ <span style="color: blue;">ทำให้อาเซียนเป็นองค์ที่มีประสิทธิภาพ มีประชาชนเป็นศูนย์กลางและเคารพกฎหมายกฎกติกา ทำให้อาเซียนมีสถานะนิติบุคคลแก่อาเซียนเป็นองค์กรระหว่างรัฐบาล (intergovernment organization)</span>Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-33576175009550916772013-08-12T10:25:00.005-07:002013-08-12T10:25:42.632-07:00รายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ n-netรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสอบ N-Net ระดับมัธยมต้น<br />
1. มธุริน จิรชัยฐิติ <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001700</span><br />
2. ชัยวัฒน์ วิจิตรพิเชียรกุล <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ10001655</span><br />
3. วีระยุทธ โพธิ์สา <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ10001720</span><br />
4. เกรียงไกร สายสกล <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001639</span><br />
5. ประกายแก้ว คำสุข <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001686</span><br />
6. แสงเดือน สอนบัว <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ10001750</span><br />
7. กฤษณะ ดอกชะเอม <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001633</span><br />
8. อภัสรา ศรีคำมา <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001752</span><br />
9. สิรินญากร คงโพชา <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001737</span><br />
<br />
รายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์เข้าสอบ N-Net ระดับมัธยมต้น<br />
10. สายสุนีย์ โสภาพันธ์ <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10002079</span><br />
11. โสมพรรณ เกษนอก <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10002096</span><br />
12. พัชรี ปินะกาเส <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10002034</span><br />
13. ภูมิศักดิ์ มณีรัตน์ <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ10002045</span><br />
14. อรอนงค์ วาริน <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10002103</span><br />
15. ธเนศ ศิริยามัน <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ10002006</span><br />
16. ครรชิต ปินะถา <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001973</span><br />
17. ณัฐพงษ์ ทรัพย์สูงเนิน <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10001995</span><br />
18. พิษณุ เอี่ยมพรเจริญ <span style="color: purple;">เลขที่นั่งสอบ 10002039</span><br />
<span style="color: purple;"><br /></span>Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-11056311463675233442013-08-07T19:38:00.003-07:002013-08-07T19:38:55.950-07:00รายชื่อผู้จบและ มส. <br />
<br />
<span style="color: purple;">รายชื่่อผู้จบ ระดับมัธยมต้น</span><br />
1. นายชัยวัฒน์ วิจิตรพิเชียรกุล ได้กพช. 30 ชม. ขาด 70 ชม.<br />
2. นายวีระยุทธ โพธิ์สา ได้กพช. 70 ชม. ขาด 30 ชม.<br />
3. นายเกรียงไกร สายสกล ได้กพช. 50 ชม. ขาด 50 ชม.<br />
4. น.ส.ประกายแก้ว คำสุข ได้กพช. 100 ชม. ขาด - ชม.<br />
5. น.ส.แสงเดือน สอนบัว ได้กพช. 100 ชม. ขาด - ชม.<br />
6. นายกฤษณะ ดอกชะเอม ได้กพช. 100 ชม. ขาด - ชม. <br />
7. น.ส.อภัสรา ศรีคำมา ได้กพช. 70 ชม. ขาด 30 ชม. 70 30<br />
8. น.ส.สิรินญากร คงโพชา ได้กพช. 70 ชม. ขาด 30 ชม. ขอพักการเรียน<br />
<br />
<span style="color: purple;">รายชื่่อผู้จบ ระดับมัธยมปลาย</span><br />
1. นายพิทวัส บุญธรรม ได้กพช. 30 ชม. ขาด 70 ชม.<br />
2. น.ส.สายสุนีย์ โสภาพันธ์ ได้กพช. 30 ชม. ขาด 70 ชม. <br />
3. นางโสมพรรณ เกษนอก ได้กพช. 30 ชม. ขาด 70 ชม.<br />
4. น.ส.พัชรี ปินะกาเส ได้กพช. 30 ชม. ขาด 70 ชม.<br />
5. นายภูมิศักดิ์ มณีรัตน์ ได้กพช. 60 ชม. ขาด 70 ชม.<br />
6. น.ส.อรอนงค์ วาริน ได้กพช. 60 ชม. ขาด 40 ชม. <br />
7. นายธเนศ ศิริยามัน ได้กพช. 40 ชม. ขาด 60 ชม.<br />
8. นายครรชิต ปินะถา ได้กพช. 40 ชม. ขาด 60 ชม.<br />
9. นายณัฐพงษ์ ทรัพย์สูงเนิน ได้กพช. 100 ชม. ขาด - ชม.<br />
10. นายพิษณุ เอี่ยมพรเจริญ ได้กพช. - ชม. ขาด 100 ชม.<br />
<br />
<span style="color: blue;">ผู้ที่มีรายชื่อหมดสิทธิ์สอบ ขอให้รีบติดต่อกับ อาจารย์อิงอร ด่วน</span><br />
<span style="color: red;">รายชื่่อผู้ที่หมดสิทธิ์สอบ มัธยมต้น</span><br />
1. นายชัยวัฒน์ วิจิตรพิเชียรกุล ขาดเรียน 8 ครั้ง<br />
2. นายวีระยุทธ โพธิ์สา ขาดเรียน 6 ครั้ง<br />
3. นายเกรียงไกร สายสกล ขาดเรียน 8 ครั้ง<br />
4. นายนิพนธ์ รัตนกสิกร ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
5. น.ส.ภัทรมน โตเจริญ ขาดเรียน 5 ครั้ง<br />
6. น.ส.สุภาพร ทรงกำพล ขาดเรียน 8 ครั้ง<br />
7. นายนันทวัฒน์ เอี่ยมสิน ขาดเรียน 7 ครั้ง<br />
8. นายฉัตรชัย นวลวิลัย ขาดเรียน 6 ครั้ง<br />
9. นายชาคริต เนียมประพันธ์ ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
10. น.ส.ชุติกาญจน์ วังเกล็ดแก้ว ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
11. นายเอกพันธ์ สำเภาทอง ขาดเรียน 7 ครั้ง<br />
12. นายณัฐวุฒิ รุ่งเกรียงสิทธิ์ ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
13. น.ส.สิรินญากร คงโพชา ขาดเรียน 10 ครั้ง ขอพักการเรียน<br />
14. นายธวัชชัย สุวะเสน ขาดเรียน 5 ครั้ง<br />
15. นายสุรศักดิ์ โทนศิริ ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
16. นายวัชพล สีมืด ขาดเรียน 9 ครั้ง<br />
17. นายวรวุฒิ ศรีชาติ ขาดเรียน 9 ครั้ง<br />
18. นางสาวชนัดดา พิริยะขจร ขาดเรียน 4 ครั้ง<br />
<br />
<span style="color: red;">รายชื่่อผู้หมดสิทธิ์สอบ มัธยมปลาย</span><br />
1. นางปฤษณา ใจศิริ ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
2. นายภูมิศักดิ์ มณีรัตน์ ขาดเรียน 8 ครั้ง<br />
3. นายธเนศ ศิริยามัน ขาดเรียน 6 ครั้ง<br />
4. นางสาวภคมน ชังลี ขาดเรียน 6 ครั้ง<br />
5. นายพิษณุ เอี่ยมพรเจริญ ขาดเรียน 10 ครั้ง<br />
6. นายณัฐวัชต์ พิทักษ์นาคราช ขาดเรียน 4 ครั้ง<br />
7. น.ส.เบญจพร โพติยะ ขาดเรียน 4 ครั้ง<br />
8. น.ส.วรรณิดา ภูทองสุข ขาดเรียน 4 ครั้ง<br />
9. นายปริญญา เบ็ญจาทิกุล ขาดเรียน 4 ครั้ง<br />
10. นายสุรพล ศรีเรือง ขาดเรียน 4 ครั้ง<br />
11. นายรัฐพงศ์ ชังลี ขาดเรียน 6 ครั้ง<br />
12. นายณัฐวุฒิ ศรีหนองห้าง ขาดเรียน 10 ครั้ง ไปเรียน ม. สยามIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-11539135661395627772013-07-09T08:41:00.001-07:002013-07-09T08:41:55.081-07:00คณิตศาสตร์-ค่าสัมบูรณ์<span style="color: blue;">ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง</span><br />
<span style="color: purple;">ตัวอย่าง</span><br />
|-3| = 3 อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ -3 เท่ากับ 3<br />
|-5| = 5 อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ -5เท่ากับ 5<br />
|3| = 3 อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ 3 เท่ากับ 3<br />
|5| = 5 อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ 5 เท่ากับ 5<br />
|0| = 0 อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ 0 เท่ากับ 0<br />
|-0.4| = อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ -0.4 เท่ากับ 0.4<br />
|-2.35| = อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของ -2.35 เท่ากับ 2.35<br />
<span style="color: purple;">หมายเหตุ </span><br />
<span style="background-color: #f6b26b;">1.</span> เราอ่านว่า สัญลักษณ์ | | ว่า ค่าสัมบูรณ์<br />
<span style="background-color: #f6b26b;">2.</span> ตัวเลขที่ถูกเครื่องหมายค่าสัมบูรณ์ครอบไว้ จะมีผลลัพธ์ออกมา เป็นค่าบวกหรือศูนย์เท่านั้น<br />
<span style="background-color: #f6b26b;">3.</span> โดยทั่วไปแล้ว เราจะใช้สัญลักษณ์ในเรื่องค่าสัมบูรณ์ คือ<br />
<span style="color: blue;">|a| อ่านว่า ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนจริง a เมื่อให้ a แทนจำนวนจริงใดๆ</span><br />
<span style="color: purple;">ตัวอย่าง</span><br />
<span style="color: blue;">จงหาค่าของ</span><br />
<span style="background-color: #ffe599;">ข้อตกลง ในที่นี้เราจะใช้ สัญลักษณ์ / แทนการหาร</span><br />
1. |-8| = 8<br />
2. |-10| = 10<br />
3. |-23| = 23<br />
4. |-9| = 9<br />
5. |13| = 13<br />
6. |26| = 26<br />
7. |2-7| = |-5| = 5<br />
8. |10-2| = |8| = 8<br />
9. |14-24| = |-10| = 10<br />
10. |-6|+|-5| = 6+5 = 11<br />
11. |-7|- |-11|= 7 - 11 = -4<br />
12. |8| + |-12|= 8 + 12 = 20<br />
13. |3-6| - |7-4| = |-3| - |3| = 3 - 3 = 0<br />
14. |20-39| + |26-40| = |-19| + |-14| = 19 + 14 = 33<br />
15. |15| / |-3| = 15 / 3 = 5<br />
16. |-48| / |4| = 48 / 4 = 12 **<br />
17. |-48 / 4| = |-12| = 12 **<br />
18. -|5| - |-6| + |9|= -5 -6 + 9 = -11 + 9 = -2<br />
19. |-3||-5| = 3x5 = 15<br />
20. |-7||-2||-3 = 7x2x3 = 42<br />
<br />
21. |2x4 - 17| = |8 - 17| = |-9| = 9<br />
22. |7 - 4x5| = |7 -20| = |-13| = 13<br />
23. |24 / 3 - 22| = |8 - 22| = |-14| = 14<br />
24. |-13| - |2x(-5)| - |(-6)x1| = 13 - |-10| - |-6|<br />
= 13 - 10 - 6 = -3-6 = -9<br />
25. |-6||5| - |4||-3| = 6x5 - 4x3 = 30 - 12 = 18<br />
<br />
ลองทำเอง (ไม่ต้องส่ง)<br />
1. |-9-2| + |4-6|=<br />
2. |5+3-20| - |8-9+10| =<br />
3. |-10| - |-20| + |30| =<br />
4. |6x2 - 19| - 9=<br />
5. |12| + |3x(-3)| - |(-5) x(-1)| =<br />
6. |-36 / 4| + |-63 / 7|=<br />
7. -|-20| / |-5|= <br />
8. |3x(-2)x(6)| = <br />
9. |7x2x(-5)| =<br />
10. |15 / (-3) -4 | =<br />
11. |3x(-6) - 12| / (-10) = <br />
12. |-8||-3| + |-10||-2| =<br />
13. |4||-7| - 18 =<br />
14. |-2||-5||-6| - |-4||-8| =<br />
<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-3115761462791434442013-07-08T09:09:00.001-07:002013-07-08T21:26:09.885-07:00คณิตสาสตร์-เศษส่วนตอนที่เรามาสลับฉาก...ดูตัวอย่างการคำนวณขั้นพื้นฐานของเศษส่วนกันบ้าง<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-I7tqo4K23NA/UdrjRggSnzI/AAAAAAAACIo/vtimnohg8D4/s1600/ksn-fraction-560708-001.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-I7tqo4K23NA/UdrjRggSnzI/AAAAAAAACIo/vtimnohg8D4/s1600/ksn-fraction-560708-001.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-zEUhdkGGr2U/UdrjRjdSHRI/AAAAAAAACIk/fvJwv-W2US4/s1600/ksn-fraction-560708-002.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-zEUhdkGGr2U/UdrjRjdSHRI/AAAAAAAACIk/fvJwv-W2US4/s1600/ksn-fraction-560708-002.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-0z7eeaZZ53o/UdrjRURSInI/AAAAAAAACI8/pbv89W-lu8I/s1600/ksn-fraction-560708-003.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-0z7eeaZZ53o/UdrjRURSInI/AAAAAAAACI8/pbv89W-lu8I/s1600/ksn-fraction-560708-003.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://3.bp.blogspot.com/-uwhk9ozLV7c/UduQQePJJ6I/AAAAAAAACJc/UKLdRhYJjeI/s1600/ksn-fraction-560708-005.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-uwhk9ozLV7c/UduQQePJJ6I/AAAAAAAACJc/UKLdRhYJjeI/s1600/ksn-fraction-560708-005.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-fynYmIKBd0w/UduQQt4imeI/AAAAAAAACJk/3wO-PXRKaxs/s1600/ksn-fraction-560708-006.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-fynYmIKBd0w/UduQQt4imeI/AAAAAAAACJk/3wO-PXRKaxs/s1600/ksn-fraction-560708-006.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-hyUgLxfodNQ/UduQQppcCcI/AAAAAAAACJg/kcnSuXKavCY/s1600/ksn-fraction-560708-007.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-hyUgLxfodNQ/UduQQppcCcI/AAAAAAAACJg/kcnSuXKavCY/s1600/ksn-fraction-560708-007.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://4.bp.blogspot.com/-CrJiXmGj7wI/UduQRBUAnrI/AAAAAAAACKA/aIv85XKI0jM/s1600/ksn-fraction-560708-008.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-CrJiXmGj7wI/UduQRBUAnrI/AAAAAAAACKA/aIv85XKI0jM/s1600/ksn-fraction-560708-008.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://1.bp.blogspot.com/-SDbX08N6IXg/UduQRQerhQI/AAAAAAAACJ0/60COFRb-L_c/s1600/ksn-fraction-560708-009.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://1.bp.blogspot.com/-SDbX08N6IXg/UduQRQerhQI/AAAAAAAACJ0/60COFRb-L_c/s1600/ksn-fraction-560708-009.GIF" /></a></div>
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="http://2.bp.blogspot.com/-k0kOBXJKkes/UduQRsAwJMI/AAAAAAAACJ4/Qjq11DlRRJk/s1600/ksn-fraction-560708-010.GIF" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://2.bp.blogspot.com/-k0kOBXJKkes/UduQRsAwJMI/AAAAAAAACJ4/Qjq11DlRRJk/s1600/ksn-fraction-560708-010.GIF" /></a></div>
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
นักศึกษาสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้ที่ <a href="http://www.kruteeworld.com/">www.kruteeworld.com</a> เรื่อง เศษส่วน<br />
<br />Ing-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4309716480394198490.post-33075492124271828752013-07-03T11:54:00.005-07:002013-07-03T11:54:53.768-07:00วิทยาศาสตร์-โครงสร้างของโลกรูปทรงสัณฐานของโลก<br />
โลก (Earth) โลกของเรามีรูปร่างลักษณะเป็นรูปทรงรี (Oblate Ellipsoid) คือมีลักษณะป่องตรงกลาง ขั้วเหนือ-ใต้ แบนเล็กน้อย แต่พื้นผิวโลกที่แท้จริงมีลักษณะขรุขระ สูง ต่ำ ไม่ราบเรียบ สม่ำเสมอ พื้นผิวโลกจะมีพื้นที่ประมาณ 509,450,00 ตารางกิโลเมตร ความหนาแน่นของดาวโลกโดยเฉลี่ยคือ 5,515 กก./ลบ.ม. ทำให้มันเป็นดาวเคราะห์ที่หนาแน่นที่สุดในระบบสุริยะ<br />
<br />
<span style="color: purple;">โครงสร้างของโลก</span><br />
<span style="color: blue;">1. เปลือกโลก</span><br />
เปลือกโลก (crust) เป็นชั้นนอกสุดของโลกที่มีความหนาประมาณ 6-35 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นชั้นที่บางที่สุดเมื่อเปรียบกับชั้นอื่นๆ เสมือนเปลือกไข่ไก่หรือเปลือกหัวหอม เปลือกโลกประกอบไปด้วยแผ่นดินและแผ่นน้ำ ซึ่งเปลือกโลกส่วนที่บางที่สุดคือส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทร ส่วนเปลือกโลกที่หนาที่สุดคือเปลือกโลกส่วนที่รองรับทวีปที่มีเทือกเขาที่สูงที่สุดอยู่ด้วย นอกจากนี้เปลือกโลกยังสามารถแบ่งออกเป็น 2 ชั้นคือ<br />
<span style="color: purple;">ชั้นที่1 :</span> ชั้นหินไซอัล (sial) เป็นเปลือกโลกชั้นบนสุด ประกอบด้วยแร่ซิลิกาและอะลูมินาซึ่งเป็นหินแกรนิตชนิดหนึ่ง สำหรับบริเวณผิวของชั้นนี้จะเป็นหินตะกอน ชั้นหินไซอัลนี้มีเฉพาะเปลือกโลกส่วนที่เป็นทวีปเท่านั้น ส่วนเปลือกโลกที่อยู่ใต้ทะเลและมหาสมุทรจะไม่มีหินชั้นนี้<br />
<span style="color: purple;">ชั้นที่2 :</span> ชั้นหินไซมา (sima) เป็นชั้นที่อยู่ใต้หินชั้นไซอัลลงไป ส่วนใหญ่เป็นหินบะซอลต์ประกอบด้วยแร่ซิลิกา เหล็กออกไซด์และแมกนีเซียม ชั้นหินไซมานี้ห่อหุ้มทั่วทั้งพื้นโลกอยู่ในทะเลและมหาสมุทร ซึ่งต่างจากหินชั้นไซอัลที่ปกคลุมเฉพาะส่วนที่เป็นทวีป และยังมีความหนาแน่นมากกว่าชั้นหินไซอัล<br />
<br />
<span style="color: blue;">2. แมนเทิล</span><br />
แมนเทิล (mantle หรือ Earth's mantle) คือชั้นที่อยู่ถัดจากเปลือกโลกลงไป มีความหนาประมาณ 3,000 กิโลเมตร บางส่วนของหินอยู่ในสถานะหลอมเหลวเรียกว่าหินหนืด (Magma) ทำให้ชั้นแมนเทิลนี้มีความร้อนสูงมาก เนื่องจากหินหนืดมีอุณหภูมิประมาณ 800 - 4300°C ซึ่งประกอบด้วยหินอัคนีเป็นส่วนใหญ่ เช่นหินอัลตราเบสิก หินเพริโดไลต์<br />
<br />
<span style="color: blue;">3. แก่นโลก</span><br />
แก่นโลกแบ่งได้ออกเป็น 2 ชั้นได้แก่<br />
<span style="color: purple;"> แก่นโลกชั้นนอก</span> (outer core) มีความหนาจากผิวโลกประมาณ 2,900 - 5,000 กิโลเมตร ประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิลในสภาพที่หลอมละลาย และมีความร้อนสูง มีอุณหภูมิประมาณ 6200 - 6400 มีความหนาแน่นสัมพัทธ์ 12.0 และส่วนนี้มีสถานะเป็นของเหลว<br />
<span style="color: purple;"> แก่นโลกชั้นใน</span> (inner core) เป็นส่วนที่อยู่ใจกลางโลกพอดี มีรัศมีประมาณ 1,000 กิโลเมตร มีอุณหภูมิประมาณ 4,300 - 6,200 และมีความกดดันมหาศาล ทำให้ส่วนนี้จึงมีสถานะเป็นของแข็ง ประกอบด้วยธาตุเหล็กและนิกเกิลที่อยู่ในสภาพที่เป็นของแข็งIng-Onhttp://www.blogger.com/profile/11567800346423760370noreply@blogger.com0