25 ก.พ. 2556

แนวข้อสอบ - ภาษาอังกฤษ


ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

1. May I introduce myself? เขาให้ฉันได้แนะนำตัวเองได้ไหม
a. His name is Boy.   เขาชื่อบอย
b. My name is Boy.    ฉันชื่อบอย
c. We are boxers. พวกเราเป็นนักมวย


2. A: How do you do? My name is Lin.  สวัสดี ฉันชื่อลิน
    B: ________________
a. I’m fine. Thank you.  ฉันสบายดี ขอบคุณ
b. 20 years old.  อายุ 20 ปี
c. How do you do? My name is Kim. สวัสดี ฉันชื่อ คิม


3. Nina : Where do you come from?   นินา: คุณมาจากที่ไหน
    Naree : I’m from Spain. And you?   นารี: ฉันมาจากประเทศสเปน
    Nina : ________
a. I’m from Japan.  ฉันมาจากประเทศญี่ปุ่น
b. I would like to drink some coffeeฉันต้องการดื่มกาแฟ
c. Thank you.  ขอบคุณ


4. A: We will have a party at my house. Would you like to join with us? 
    พวกเราจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านของฉัน คุณอยากจะไปร่วมงานกับพวกเราไหม
    B: _________
a. That is too bad.  แย่จังเลย
b. I’m sorry to hear that. ฉันเสียใจที่ได้ยินแบบนั่น
c. That sounds good. Thank you for inviting me. น่าสนใจดีนะ  ขอบคุณที่เชิญฉัน

5. A: I must be going. Thank you for your dinner.  
    ฉันต้องไปแล้วนะ ขอบคุณสำหรับอาหารเย็น
   B: ________
a. I’m glad to meet you too.  ยินดีที่ได้พบคุณ
b. You’re welcome. ด้วยความยินดี
c. Turn off your computer. ปิดคอมพิวเตอร์

6. What is your job? คุณทำงานอะไร คุณทำงานอะไร
a. I am a garment worker  ฉันเป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า
b. You are a housewife คุณเป็นแม่บ้าน
c. They are flight attendances พวกเราเป็นพนักงานตอนรับบนครื่องบิน

7. How long did you do this job? คุณทำงานมากี่ปีแล้ว
a. 1:30 pm บ่าย โมงครึ่ง
b. 8:45 am  8 โมง 15 นาที ก่อนเที่ยง
c. For 6 years  6 ปี
d. 10 years old  อายุ 10 ปี

8. Do you have any special skills for this job? คุณมีทักษะพิเศษกับงานนี้บ้างไหม
a. I can speak Japanese. ฉันพูดภาษาญี่ปุ่นได้
b. I cannot swim.  ฉันว่ายน้ำไม่เป็น
c. I don’t like smoking cigarette. ฉันไม่สูบบุหรี่

9. Do you have any prior experience
คุณมีประสบการณ์และความชำนาญในงานมาก่อนไหม
a. Yes, I do  ใช่ ฉันมี
b. No, I cannot. ไม่ ฉันไม่สามารถ
c. I don’t know.  ฉันไม่ทราบ

10. Boss : Do you mind to work as a cook
      คุณไม่รังเกียจที่จะทำงานพ่อครัว ใช่ไหม
Tim : __________   
ทิม : ________
a. Yes I do.  I want to be a cook. 
    ใช่ ฉันรังเกียจ ฉันต้องการเป็นพ่อครัว
b. No, I don’t. I can cook many styles of food.  
    ไม่ ฉันสามารถทำอาหารได้หลายรูปแบบ
c. I am not a cook. 
    ฉันไม่ได้เป็นพ่อครัว

11. Ann : How much will I earn per month
      แอน รายได้เท่าไหร่ที่ฉันจะได้รับต่อเดือน
     Manager : ___________ . It’s OK?  
     ผู้จัดการ : _________ ตกลงหรือเปล่า
     Ann : It’s OK.  Thank you so much.
      แอน: ตกลง ขอบคุณมาก
a. 18,000 bath per piece. 18ม000 บาทต่อชิ้น
b. 21,600 baht per month.  2,1600 บาทต่อเดือน
c. 9,800 bath per person  9,800 บาทต่อคน

12. Mana: When will I start working?  มานะ: เมื่อไหร่ที่ผมจะได้เริ่มทำงาน
Manager : __________.   ผู้จัดการ : _________
a. last week   สัปดาห์ก่อน
b. Next month   เดือนหน้า
c. 3 months ago  3 เดือนก่อน

13. Situation : Lin and Wera are talking about job application
สถานการณ์: ลินและวีระ กำลังคุยเกี่ยวกับการสมัครงาน
Wera :  What position are you ___13.1______?
วีระ : ตำแหน่งงานอะไรที่คุณ _________
Lin : I’m applying for a secretary.
ลิน : ฉันสมัครตำแหน่งเลขานุการ
Wera  :  What qualifications are required?
วีระ : คุณสมบัติอะไรบ้างที่ต้องการ
Lin  : It requires a university graduated, fluent in ___________.
ลิน : ตำแหน่งที่ต้องการ วุฒิปริญญาตรี, ใช้ _____________ ได้ดี
13. 1
a. applying for  สมัคร
b. carrying on ทำต่อไป, ดำเนินต่อไป
c. taking care  ดูแล 

13.2
a. writing and reading  การอเขียนและการอ่าน
b. playing and sleeping การอ่านและการนอน
c. English and computer ภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์


14. Fah : Hello. This is Fah. Could I ______ to Kim, please?
     ฟ้า : สวัสดี นี้ฟ้า ฉันขอ _____ กับคิม ได้ไหม
     Boy : Sorry. She’s not in. Do you want to leave a message?
     บอย : เสียใจด้วย เธอไม่อยู่ คุณต้องการฝากข้อความไว้ไหมครับ
     Fah: No. Thank you. Bye.
     ฟ้า : ไม่ค่ะ ขอบคุณ สวัสดี
a. write  เขียน
b. look  มอง
c. speak  พูด


15. A: Have you promoted to be a General Manager of the company?
      A: คุณเพิ่งจะได้เลื่อนตำแหน่ง เป็นผู้จัดการทั่วไปใช่ไหม
      B : Yes, I have. 
      B : ใช่
      A : _____________ .
a. Thank for talking to me.  ขอคุณที่คุยกับฉัน
b. That sounds terrible. ฟังดูแย่จัง   
c. Congratulations on your success.  ดีใจกับความสำเร็จของคุณด้วย


16. Salesman : What size do you want?
พนังงานขาย : ขนาดอะไร ที่คุณต้องการ 3
Som : ________ .
a. 5 kilometers. 5 กิโลเมตร
b. medium and large size  ขนาดกลางและใหญ่
c. 10 hours 10 ชั่วโมง


1. b    2. c     3. a    4. c    5. b
6. a    7. c     8. a    9. a    10. b
11. b  12. b   13.1. a    13.2 c
14. c  15. c    16. b

21 ก.พ. 2556

แนวข้อสอบ-ภาษาอังกฤษ-3


จงเลือกประโยคที่มีความหมายสอดคล้องกัน
1. He is so hungry.   เขาหิวมากตอนนี้
a. Please give me some water.  ช่วยให้น้ำกับฉันหน่อย
b. Please give him some fried rice. ช่วยให้ข้าวผัดกับเขาหน่อย
c. Please give her some orange juice. ช่วยให้น้ำส้มกับเธอหน่อย

2. My mother feels happy because _______. แม่ของของฉันรู้สึกดีใจเพราะ______
a. I have failed the final exam. ฉันเพิ่งจะสอบตกปลายภาคมา
b. I must admit to the hospital. ฉันต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
c. I have passed the final exam. ฉันเพิ่งจะสอบผ่านปลายภาค

3. It is raining outside now. ด้านนอกฝนกำลังตก
a. Take the newspaper with you. เอาหนังสือพิมพ์ไปด้วย
b. Take the umbrella with you. เอาร่มไปด้วย
c. Bring the umbrella back to me. นำร่มกับมาให้ฉันด้วย

4. He always works hard เขาขยันงาน
a. He becomes a poor man now. เขากลายเป็นคนจนตอนนี้
b. He becomes a famous man now. เขากลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงตอนนี้
c. He becomes a rice and happy man now. เขากลายเป็นคนรวยและมีความสุขตอนนี้

5. Jane eats too much. เจนทานมากจนเกินไป
a. She will be slim soon. เธอจะผอมบางในไม่ช้า
b. She will get fat soon.  เธอจะอ้วนในไม่ช้า
c. She will be clever soon. เธอจะฉลาดในไม้ช้า

6. He is 174 centimeters tall. She is 164 centimeters tall.
    เขาสูง 174 ซม. เธอสูง 164 ซม.
a. He is as tall as she. เขาสูงเท่ากับเธอ
b. She is taller than he. เธอสูงกว่าเขา
c. He is taller than she.  เขาสูงกว่าเธอ

7. Where does your friend live? เพื่อนของคุณอยู่ที่ไหน
a. He lives in Bangkok. เขาอยู่ในกรุงเทพ.
b. He does the dishes. เขาล้างจาน
c. He is sleeping on the sofa. เขากำลังนอนที่โซฟา

8. We will have a final test next 2 weeks. We should ________.
พวกเราจะมีสอบปลายภาคใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า  พวกเราควรจะ
a. drink some milk ดื่มนม
b. read many books อ่านหนังสือหลายๆเล่ม
c. watch TV until midnight. ดูทีวีจนเที่ยงคืน

9. The road is wet now. You should _______. ถนนเปียกอยู่ตอนนี้ คุณควรจะ
a. run quickly วิ่งเร็วๆ
b. walk carefully เดินอย่างระมัดระวัง
c. drive your car carelessly ขับรถอย่างประมาท

10. I will go to the fresh market with my mother in the morning. I should ______.
ฉันจะไปตลาดสดกับแม่ตอบเช้า ฉันควรจะ________
a. sleep late this night นอนดึกคืนนี้
b. listen to the news  ฟังข่าว
c. go to bed early เข้านอนแต่เช้า

11. In April ______________ . ในเดือนเมษายน
a. The weather was hot.  อากาศเคยร้อนมาก่อน
b. The weather is very hot.  อากาศร้อนมาก
c. The weather is cold.  อากาศเย็น

12. I will cook papaya salad. I need to buy some _______. 
ฉันจะทำส้มตำ (Som Tum) ฉันต้องการซื้อ____
a. pine apples, salt and chili.  สับประรด, เกลือและพริก
b. papayas, limes and tomatoes มะละกอ, มะนาวเขียวและมะเขือเทศ
c. fish sauce, sugar and pepper น้ำปลา น้ำตาล พริกไทย

13. If you lack of Vitamin C, you should ______. ถ้าคุณขาดวิตามินซี คุณควรจะ
a. eat a lot of meat. ทานเนื้อสัตว์มากๆ
b. drink a lot of milk. ดื่มนมมากๆ
c. eat a lot of oranges or vegetables. ทานส้มหรือผักมากๆ

เฉลย 
1. b     2. c    3. b    4. c    5. b
6.  c    7. a    8. b    9. b   10 c
11. b  12. b   13. c 

แนวข้อสอบภาษาอังกฤษ -2


การตั้งประโยคคำถาม ตอนที่1
1. A: ______ is your name?   คุณชื่อ_____
    B: My name is Fah.            ฉันชื่อ ฟ้า
a. When  (เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา)
b. What  (อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ)
c. Why  (เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา)

2. A: ______ will he go?  เขาจะไป_____
    B: Rayong.    ระยอง
a. Who  (ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค)
b. Why  (ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล)
c. Where  (ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่)

3. A: ______ will she do tomorrow?   ______ที่เขาจะทำในวันพรุ่งนี้
    B: She will have dinner with her family.     เธอจะไปทานอาหารมื้อเย็นกับครอบครัวของเธอ
a. How  (อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์)
b. What   (อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ)
c. How  (อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์)

4. _________ seasons are there in Thailand? ประเทศไทยมี___ ฤดู
    There are 3 seasons in Thailand – summer, raining season and winter.   
    ประเทศไทยมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน, ฤดูฝนและฤดูหนาว
a. How much (มากเท่าไหร่  ใช้ถามจำนวน ตามด้วยคำนามนับไม่ได้)
b. How many (มากเท่าไห่หรือ ราคาเท่าไหร่ ใช้กับคำนามนับได้)
c. How  (อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์)

5. _____ did he go to hospital last night_____เขาไปโรงพยาบาลเมื่อคืนก่อน
    He went to hospital because his sister got sick.  เขาไปโรงพยาบาลเพราะน้องสาวของเราไม่สบาย
a. What   (อะไร ใช้ถามเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ)
b. Why  (ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล)
c. Whose  (ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ)

6. _______ does it cost?  มันราคา_______  
   It is 120 baht.    120 บาท
a. How much (ราคาเท่าไหร่หรือมีมากเท่าไหร่ ตามด้วยคำนามนับไม่ได้)
b. How many (มีมากเท่าไห่ ใช้กับคำนามนับได้)
c. How long (ยาวเท่าไหร่ นานแค่ไหน)

7. ______ can come with us?  สามารถไปกับพวกเราได้
    Chompoo.  (ชมพู่)
a. Which (สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ)
b. Why  (ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล)
c. Who  (ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค)

8. ______ will the show start? การแสดงจะเริ่มฉาย_______
    At 10 o’clock on next Tuesday.  10 โมงตรงวันอังคารหน้า
a. When  (เมื่อไหร่ ใช้ถามเกี่ยวกับเวลา)
b. Where  (ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่)
c. How  (อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์)

9. ______ are the tigers?   เสืออาศัยอยู่ ____
    They are in the forest.  พวกมันอาศัยอยู่ในป่า
a. Where  (ที่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับสถานที่)
b. Which  (สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ)
c. How  (อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์)

10. _______  can I get to the marketฉันจะไปตลาดได้________
      You can get on the bus Number 93 or 103. คุณสามารถขึ้นรถประจำทางสาย 93 หรือ 103
a. How (อย่างไร ใช้ถามเกี่ยวกับวิธีการ, สภาพการณ์)
b. Which (สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ)
c. Why  (ทำไม ใช้ถามเพื่อหาเหตุผล)

11. ______ is going to the room? _____กำลังจะมาที่ห้อง
    Our teacher.  ครูของพวกเราเอง
a. Who  (ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นประธานของประโยค)
b. Whom  (ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค)
c. Whose  (ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ)

12. _______ is this house?  บ้านนี้______
     It is my father’s houseมันเป็นบ้านของพ่อของฉัน
a. Whose  (ของใคร ใช้ถามความเป็นเจ้าของ)
b. Whom  (ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค)
c. Which  (สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ)

13. Which pen do you want to buy red or blue? 
    ปากกาด้ามไหนที่คุณต้องการซื้อ แดงหรือน้ำเงิน   
   The blue one. ปากกาสีฟ้า
a. Which (สิ่งไหน, อันไหน ใช้ถามเพื่อให้เลือกสิ่งต่างๆ)
b. Whom  (ใคร ใช้ถามถึงตัวบุคคลและเป็นกรรมของประโยค)
c. How old (อายุเท่าไหร่  ใช้ถามอายุ)


14.  ______ is Tim? ทิมอายุ______
    He is 22 years old.  เขาอายุ 22 ปี
a. How much  (ราคาเท่าไหร่หรือมีมากเท่าไหร่ ตามด้วยคำนามนับไม่ได้)
b. How many (มีมากเท่าไห่ ใช้กับคำนามนับได้)
c. How old    (อายุเท่าไหร่  ใช้ถามอายุ)

15. _______ does she visit her uncle? เธอไปหาลุงของเธอ_______
      She visits her uncle every month. เธอไปหาลุงทุกๆเดือน
a. How often (บ่อยแค่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับความถี่)
b. How far   (ไกลแค่ไหน ใช้ถามเกี่ยวกับระยะทาง)
c. How old  (อายุเท่าไหร่)

เฉลย
1. b    2. c    3. b      4. b   5. c  
6.  a   7. c     8. a     9. a   10. a
11. a  12. c  13. a  14. c   15. .

19 ก.พ. 2556

แนวข้อสอบภาษาอังกฤษ-1


แนวข้อสอบ-ภาษาอังกฤษ  เกี่ยวกับการสนทนา  การถามตอบ

จงเลือกคำตอบที่เป็นไปได้ ตอบได้ มากกว่า 1 ข้อ
ตัวอักษรที่เป็นสีต่างๆเป็นคำใบ้ จะไม่พบในข้อสอบจริง

1. A: Could you tell me where is the nearest bookstore?
ช่วยบอกผมได้ไหมว่าร้านหนังสือที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน
    B: ________________
1.  It is between the bank and the super market. มันอยู่ระหว่างธนาคารกับตลาด
2.  It is on the corner of the road. มันอยู่ที่หัวมุมถนน
3. It is opposite the pawn shop. มันอยู่ตรงข้ามโรงรับจำนำ
4. It is in under the sofa. มันอยู่ใต้โซฟา
5. It is not far from here. มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี้
6. Go straight about 50 meters and turn left.  เดินตรงไปประมาณ 50 เมตรและเลี้ยวซ้าย
7. My name is Bee. ฉันชื่อบี
8. And how about you? แล้วคุณล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง
9. That is Kimberry. She is a super star. นั่นคือคิมเบอร์รี่ เธอเป็นดาราดัง    
10 I’m sorry. I don’t know. ฉันขอโทษ ฉันไม่ทราบ

2. A: Hi. How are you today?  สวัสดี คุณเป็นอย่างไรบ้างวันนี้
    B: ____________
1. It's nothing. ไม่เป็นไร (ไม่ถือโทษ)
2. That's O.K. ไม่เป็นไร (ไม่ถือโทษ)
3. I’m fine. Thank you. ฉันสบายดี ขอบคุณ
4. I have a lot of money. ฉันมีเงินมากมาย
5. Turn right at the traffic light. เลี้ยวขวาที่ไฟจราจร
6. I have a toothache. ฉันปวดฟัน 
7. I have a stomachache. ฉันปวดท้อง 
8. I have a sore eye. ฉันเจ็บตา 
9. I have a cold. ฉันเป็นหวัด 
10. Good bye. See you tomorrow. ลาก่อน เจอกันวันพรุ่งนี้

3. A: What’s your address?  ที่อยู่ของคุณคืออะไร
    B: ___________________
1. I live with my aunt. ฉันอยู่กับป้า
2. On Sathon Road. ถนนสาทร
3. 45 Soi Sukumvit 21. บ้านเลขที่ 45 ซอยสุขุมวิท 21  
4. It is mine. มันเป็นของฉัน
5. Open the door. เปิดประตู
6. He will buy a new house. เขาจะซื้อบ้านใหม่
7. She is my best friend. เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
8. We read a new novel last week. พวกเราอ่านนวนิยายเรื่องใหม่เมื่อสัปดาห์ก่อน
9. My father get sick now.  พ่อของฉันไม่สบายอยู่ตอนนี้ 
10. Bangkok Thailand  กรุงเทพ ประเทศไทย
ข้อที่ 3 คำตอบที่เป็นไปได้คือ 2, 3

4. A: Today I have a slight fever. ฉันเป็นไข้นิดหน่อย
    B:  __________
1. Did you go to see a doctor? คุณไปหาหมอมาหรือยัง
2. Get better soon. หาเร็วๆนะ
3. I’m so happy. ฉันมีความสุขมาก
4. I’m sorry to hear that. ฉันเสียใจนะ ที่ได้ยินแบบนั้น
5. Turn off the air conditioner. ปิดเครื่องปรับอากาศด้วย
6. Sit still.  นั่งนิ่งๆ
7. Go home and take a rest. กลับบ้านแล้วไปพักผ่อน
8. Do you want to take some medicine?  คุณต้องการทานยาไหม
9. Don’t worry. He will arrive in time.  อย่ากังวล เขาจะถึงทันเวลา
10. It is so boring.  มันน่าเบื่อมากๆ 

5. A: How do fell about drama last night? คุณรู้สึกอย่างไรกับละครเมื่อคืนนี้
    B:  __________
1. It is interesting. มันน่าสนใจ
2. It is very exciting. มันน่าตื่นเต้น
3. I am bored. ฉันรู้สึกเบื่อ
4. So fun. มันสนุกมาก
5. He doesn’t know. เขาไม่รู้
6. It was a terrible story. มันเป็นเรื่องที่แย่มาก
7. It was great. มันยอดเยี่ยมมาก
8. They go to the zoo by car. พวกเขาไปสวนสัตว์โดยรถยนต์
9. I don’t know.  Last night I went to bed early. ฉันไม่ทราบ ฉันเข้านอนแต่เช้า
10. Please give a chance.  ได้โปรดให้โอกาสกับผมด้วย

6. A: What does she want to be (in the future)? เธออยากเป็นอะไรในอนาคต
    B:  __________
1. I want to be a nurse. ฉันต้องการเป็นนางพยาบาล
2. I want to go shopping. ฉันต้องการไปซื้อของ
3. She was a shopkeeper. เธอเคยเป็นคนดูแลร้านค้า
4. She wants to be an accountant. เธอต้องการเป็นนักบัญชี
5. A doctor. เป็นหมอ
6. a Chinese man  ผู้ชายจีน
7. A lawyer.ทนายความ
8. A singer or a model. นักร้องหรือนางแบบ
9. A designer. นักออกแบบ
10. A Math teacher. ครูสอนคณิตศาสตร์

7. Yaya : I will go to study at Australia tomorrow.
    ญาญ่า : ฉันจะไปเรียนที่ออสเตเลียวันพรุ่งนี้
    Nadia: _____________
    นาเดีย : ____________
    Yaya : Thank you so much.
    ญาญ่า : ขอบคุณมาก
1. Have a nice day. วันนี้ขอให้มีความสุข 
2. Have a nice holiday. ขอให้มีความสุขในวันหยุด 
3. Have a good/nice trip. ขอให้เดินทางปลอดภัย
4. I am so happy to hear that. ฉันดีใจที่ดียินแบบนั่น
5. I hope you will graduate soon. ฉันหวังว่าคุณจะดรียนจบโดยเร็ว
6. You make me scared. คุณทำให้ฉันกล้ว
7. See you again when you come back. พบกันอีกทีตอนที่คุณกลับมานะ
8. Good luck.  ขอให้โชคดี
9. Be successful. ขอให้ประสบความสำเร็จ 

เฉลย คำตอบที่เป็นไปได้คือ
ข้อที่ 1  1, 2, 3, 5, 6, 10
ข้อที่ 2  3, 6, 7, 8, 9
ข้อที่ 3  2, 3
ข้อที่ 4  1, 2, 7, 8
ข้อที่ 5  1, 2, 3, 4, 6, 7, 9
ข้อที่ 6  4, 5, 7, 8, 9, 10
ข้อที 7  3, 4, 5, 7, 8, 9

สรุปเนื้อ ภาษาอังกฤษอ่าน – เขียน ตอนที่ 4


การขอโทษ (Apologizing) 
การขอโทษ สำนวนที่ใช้ในการขอโทษ ได้แก่ 
I’m sorry. ผมขอโทษ
I’m sorry. I’m late. ขอโทษที่มาช้า
I’m sorry I troubled you. ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก
Excuse me, please. ขอโทษครับ/ค่ะ
Excuse me for interrupting. ขอโทษที่รบกวน
Excuse me for a moment. ขอโทษขอเวลาสักครู่

การให้อภัย สำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอโทษ 
That’s all right. ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอโทษ)
Don’t worry (about it). อย่ากังวลไปเลย
No problem. ไม่มีปัญหา
That's O.K. หรือ I'm O.K. ไม่เป็นไร หรือ ผมไม่เป็นไร

การถามเวลา (Asking for Time)
การถาม 
Excuse me. What time is it? ขอโทษครับ กี่โมงแล้วครับ
Could you tell me the time, please? ขอโทษครับกี่โมงแล้ว
Do you have a time? กี่โมงแล้ว (คุณมีนาฬิกาไหม)
การตอบ 
It's nine o'clock. 9 นาฬิกา
Six ten / ten past six 6.20
Five to four/Three fifty-five 3.55
Noon เที่ยงวัน
Midnight เที่ยงคืน

การถามชื่อ ที่อยู่และการเรียน (Asking about Name, Address, Study and Work) 
การถามชื่อ
What’s your name? คุณชื่ออะไร
What’s your surname? นามสกุลอะไร
(family name, last name, second name = นามสกุล)

การถามที่อยู่ 
Where are you from? คุณมาจากไหน
Where do you come from? คุณมาจากไหน
Where do you live? คุณอยู่ที่ไหน
Where are you staying now? ตอนนี้คุณพักอยู่ที่ไหน
What is your village? คุณอยู่หมู่บ้านอะไร
What’s your address? ที่อยู่ของคุณคืออะไร
Could I/May I have your address? ขอทราบที่อยู่ของคุณได้ไหม
Could you tell/give me your address? กรุณาบอกที่อยู่ของคุณได้ไหม
Could you write your address for me? กรุณาเขียนที่อยู่ของคุณได้ไหม

การถามเกี่ยวกับการเรียน 
What do you study? คุณเรียนอะไร
Where do you study? คุณเรียนที่ไหน
What is your school? โรงเรียนคุณอยู่ที่ไหน
What school are you in? คุณอยู่โรงเรียนอะไร
What year are you in? คุณอยู่ปีไหน/ชั้นอะไร
Do you have a part-time job? คุณมีงานพิเศษหรือเปล่า


การถามทิศทาง (Asking for Direction) 
การถามทิศทาง 
Excuse me. ขอโทษครับ (ใช้เริ่มก่อนการถาม)
Do you know where …… is? คุณรู้ไหมว่า ……. อยู่ที่ไหน
Do you know where Michael is? คุณรู้ไหมว่า ไมเคิลอยู่ที่ไหน
Do you know where the toilet is? คุณรู้ไหมว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน
Do you know the way to….? คุณรู้จักทางที่จะไป .. ไหม
Where is the nearest public telephone? โทรศัพท์สาธารณะใกล้ทีสุดอยู่ที่ไหน
How can I get to…..? ไม่ทราบว่าผมจะไป …. ได้อย่างไร

การบอกทิศทาง 
Turn left. / Turn right. เลี้ยวซ้าย / เลี้ยวขวา
On the left. / On the right. ทางซ้าย / ทางขวา
Go straight. ตรงไปข้างหน้า
Go straight on./Go ahead. ตรงไปข้างหน้า
Go past. / Walk past. เดินผ่านไป
Keep going until you get to…. เดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึง…..
Take the first/second turn. เลี้ยวที่แยกแรก / แยกที่สอง
It's near/close to ….. มันอยู่ใกล้กับ
It's not far from here. ไม่ไกลจากที่นี่
It's very far from here. มันไกลจากที่นี่มาก
It's 2 kilometers from here. มันอยู่ห่างจากนี่ 2 กิโลเมตร
It's about 100 meters away from here. มันอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณ 100 เมตร
It isn’t in front of the bank. It is between drugstore and school.

การสอบถามเรื่องสุขภาพ (Asking about Health) 
คำถาม 
Are you all right? เธอสบายดีหรือ
What’s the matter? เป็นอะไรครับ
What's the matter with you? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น (กับคุณ) หรือ
What happened? เกิดอะไรขึ้นหรือ
What are your symptoms? อาการของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
Do you have a headache? คุณมีอาการปวดศีรษะไหม
Do you have fever/high temperature? ตัวร้อนหรือไข้ขึ้นไหม
How do you feel now? ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร
Did you get hurt? คุณเจ็บหรือเปล่า

สำนวนอื่น ๆ 
You look very well. คุณดูมีความสุขดีนะ
You don't look well. เธอดูไม่สบายเลยนะ
You look (very) pale. เธอดูหน้าซีด (มาก)
I feel better./I'm getting better. ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว
I feel sick. ฉันรู้สึกไม่สบาย
I am all right now. ตอนนี้ฉันสบายดี
I'm much better. ฉันดีขึ้นมากเลย
I have a headache/toothache. ฉันปวดหัว/ปวดฟัน
I have a stomachache/backache. ฉันปวดท้อง/ปวดหลัง
I have a sore eye/throat. ฉันเจ็บตา/เจ็บคอ
I have a cold. ฉันเป็นหวัด
I have a slight fever. ฉันเป็นไข้นิดหน่อย
I feel chilly/dizzy. ฉันรู้สึกหนาวสั่น/มึนหัว
I have a terrible cold. ฉันเป็นหวัดรุนแรงมาก
My leg hurts. เจ็บขา
It's nothing. How come? ไม่มีอะไรหรอก ทำไมหรือ
You should stay in bed. เธอควรจะกลับไปนอนพักผ่อนดีกว่า
You should see a doctor. เธอควรจะไปหาหมอดีกว่า
You should take some medicines. เธอควรจะกินยาดีกว่า
It's not serious. ไม่ร้ายแรงหรอก

สรุปเนื้อ ภาษาอังกฤษอ่าน – เขียน ตอนที่ 3


การให้และขอข้อมูลส่วนบุคคล (Giving and Asking for Personal Information) 
ข้อมูลส่วนตัว 
How old are you? คุณอายุเท่าไร
   I'm eighteen. ผมอายุ 18 ปี
How tall are you? คุณสูงเท่าไร
   I'm 165 centimeters tall. ฉันสูง 165 ซ.ม.
How much do you weigh? คุณหนักเท่าไร
  I weigh 65 kilograms. ผมหนัก 65 กิโลกรัม

ข้อมูลครอบครัว 
How many people are there in your family? มีกี่คนในครอบครัวคุณ
    There are 4 people in my family. ครอบครัวผมมี 4 คนด้วยกัน
How many brothers and sisters do you have? คุณมีพี่น้องกี่คน
   I have one brother and two sisters. ผมมีพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 2 คน
   I don't have any brothers or sisters. ผมไม่มีพี่น้องเลย

What does your father do? พ่อคุณทำงานอะไร
   My father is a teacher. พ่อผมเป็นครู
Does your mother work? แม่คุณทำงานหรือเปล่า
   Yes. My mother is a designer. แม่เป็นนักออกแบบ
   She doesn't work. แม่ไม่ได้ทำงาน
What do you want to be (in the future)? คุณอยากเป็นอะไร (ในอนาคต)
I want to be a businessman. ผมอยากเป็นนักธุรกิจ
I haven't decided yet. ยังไม่ได้ตัดสินใจ
I have no idea now. ผมก็ยังไม่ทราบ

การขอบคุณ (Thanking) 
การขอบคุณ สำนวนที่ใช้ในการขอบคุณ ได้แก่ 
Thanks you (very much). ขอบคุณ (มาก)
Thanks a lot. ขอบใจมาก
Thank you for everything. ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง
Thank you for your help. ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณ
I really appreciate that. ผมรู้สึกประทับใจจริง ๆ
Thank you for your present. ขอบคุณสำหรับของขวัญ

การตอบรับคำขอบคุณ 
You’re welcome. ไม่เป็นไร
Don't mention it. ไม่เป็นไร
Not at all. ไม่เป็นไร
It's nothing. ไม่เป็นไร
That's all right. / That's O.K. ไม่เป็นไร
(It's) a pleasure. ด้วยความยินดี
My pleasure./With pleasure. ด้วยความยินดี
Don’t worry (about it). อย่ากังวลไปเลย
No problem. ไม่มีปัญหา

การขอโทษ (Apologizing) 
การขอโทษ สำนวนที่ใช้ในการขอโทษ ได้แก่
I’m sorry. ผมขอโทษ
I’m sorry. I’m late. ขอโทษที่มาช้า
I’m sorry I troubled you. ขอโทษที่ทำให้ต้องลำบาก
Excuse me, please. ขอโทษครับ/ค่ะ
Excuse me for interrupting. ขอโทษที่รบกวน
Excuse me for a moment. ขอโทษขอเวลาสักครู่
การให้อภัย สำนวนที่ใช้ในการตอบรับคำขอโทษ
That’s all right. ไม่เป็นไร (ตอบรับคำขอโทษ)
Don’t worry (about it). อย่ากังวลไปเลย
No problem. ไม่มีปัญหา
That's O.K. หรือ I'm O.K. ไม่เป็นไร หรือ ผมไม่เป็นไร

สรุปเนื้อ ภาษาอังกฤษอ่าน – เขียน ตอนที่2


การแนะนำตนเองและผู้อื่น (Introducing Oneself and Others) 
การแนะนำตนเอง
Let me introduce myself. ขอแนะนำตัวเอง
May I introduce myself? ขอแนะนำตัวเอง

I’m / My name’s Napat. ผมชื่อ นภัทร
I'm Thai. ฉันเป็นคนไทย
I'm Chinese. ฉันเป็นคนจีน
I'm from Thailand. ผมมาจากประเทศไทย
I'm a student at …….. College. ฉันเป็นนักเรียนที่วิทยาลัย …..
I study at …………… College. ผมเรียนอยู่ที่วิทยาลัย …..
I’m teaching at …………… College. ผมสอนอยู่ที่วิทยาลัย …..

I work at ….. . ฉันทำงานที่…..
I live in Hat-Yai. ผมอยู่หาดใหญ่
I'm in the first year. ผมเรียนอยู่ปี 1
I'm a second year student. ฉันเป็นนักเรียนปี 2
I study ………………. ผมเรียนสาขา ……..
My field of study is …………. สาขาวิชาที่ผมเรียนคือ …………

การแนะนำผู้อื่น
This is John. นี้คือจอห์น
I'd like you to know Tim.   ผมอยากให้คุณรู้จักทิม
I'd like to introduce you to Wipa.  ผมอยากแนะนำคุณให้รู้จักวิภา
I want to introduce my friend Nadej.   ผมอยากจะแนะนำณเดชเพื่อนผม
I want you to meet my friend Kim.   ผมอยากให้คุณพบคิมเพื่อนผม
Here's Tim and that's Nana.   นี่ทิม และนั่นนานา

คำแสดงความยินดีที่ได้รู้จัก ได้แก่
It’s nice/good to meet/see you.   ดีใจที่ได้พบคุณ
I’m pleased to meet/see you.     ดีใจที่ได้พบคุณ
I'm glad to meet/see you.    ดีใจที่ได้พบคุณ
It's a pleasure to meet you.  ดีใจที่ได้พบคุณ

ตัวอย่างเพิ่มเติม บทสนทนา การนำแนะตัวเองและผู้อ่าน
Bee : Let me introduce myself. I’m Bee. I work at One Company.
บี : ขอแนะนำตัวเอง ผมชื่อบี ผมทำงานที่บริษัทวัน.
Nana : My name is Nana. I am a nurse. It’s nice to meet you.
นานา : ฉันชื่อ นานา ฉันเป็นพยาบาล ดีใจที่ได้พบคุณ
Bee : Nice to meet you, too.  And this is my friend John.
บี : ดีใจเช่นกันที่ได้พบคุณ และนี้เพื่อนของผม จอห์น
Nana : Nice to see you. John.
นานา : ดีใจที่ได้พบคุณ จอห์น
John : Nice to meet you, too.  Nana
จอห์น : ดีใจที่ได้พบคุณ เช่นกัน นานา

หมายเหตุ 
** too ในที่นี้ แปลว่า เช่นเดียวกัน, เช่นกัน
** ในการทักทาย ตอบรับการท้กทาย มักจะกล่าวซ้ำประโยคของผู้พูดคนแรก ตามด้วย too 

สรุปเนื้อ ภาษาอังกฤษอ่าน – เขียน ตอนที่1


สรุปเนื้อ ภาษาอังกฤษอ่าน – เขียน (พต22001)
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
เป้าหมายของรายวิชา
   มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกับ ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาต่างประเทศ ด้วยประโยคที่ซับซ้อนในชีวิตประจำวัน และงานอาชีพของตน ได้ถูกต้องตาม    หลักภาษาวัฒนธรรม และกาลเทศะของเจ้าของภาษา
เนื้อหาที่ต้องศึกษาและฝึกทักษะ
   ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Information) คำสั่ง คำขอร้อง  การแสดงความต้องการ และความช่วยเหลือ แสดงความรู้สึก และความคิดเห็น คำอธิบาย ความชอบ และไม่ชอบ หัวข้อเรื่อง (Topic) ใจความสำคัญ (Main Idea)

การทักทาย (Greetings)
การทักทาย คำทักทายที่ควรทราบมีดังนี้
Good morning สวัสดี (เช้าถึงเที่ยงวัน)
Good afternoon สวัสดี (หลังเที่ยงวันถึงช่วงเย็น)
Good evening สวัสดี (ช่วงเย็นถึงกลางคืน)
Hello/Hi สวัสดี (เพื่อนหรือคนรู้จักทั่วไป)

การสอบถามทุกข์-สุข สำนวนที่ใช้สอบถามว่าสบายดีหรือ ได้แก่
How are you? (เน้นเรื่องสุขภาพ)
How are you going? (อังกฤษ) How are you doing? (อเมริกัน)
How’s it going? (เน้นความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน)
How have you been? (ในกรณีนาน ๆ เจอกันที)
How’s everything?

การตอบ ตัวอย่างการตอบ ได้แก่
(I'm) fine, thanks. And you? สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ
Good. สบายดี
Very well สบายดีมาก
I'm O.K. ก็ดี
So so. ก็เรื่อยๆ,ไม่มีอะไรพิเศษ
Not (too) bad ก็ไม่เลว
Great! เยี่ยม, วิเศษ

การอำลา (Leave Taking) 
See you again.  พบกันใหม่ หรือจะเพิ่มเวลาในอนาคต ต่อท้ายอีกก็ได้
See you again tomorrow. พบกันใหม่พรุ่งนี้
See you again next time. พบกันใหม่โอกาสหน้า
See you again next week. พบกันใหม่สัปดาห์หน้า
See you again next month. พบกันใหม่เดือนหน้า
See you again next year. พบกันใหม่ปีหน้า
See you again on Sunday. พบกันใหม่วันอาทิตย์
See you later. แล้วเจอกันใหม่นะ
See you soon. แล้วเจอกันใหม่นะ

ประโยครอำลากันด้วยการอวยพรให้ 
Have a nice day/time. โชคดี/วันนี้ขอให้มีความสุข
Have a nice holiday. ขอให้มีความสุขในวันหยุด
Have a nice weekend. ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์
Have a good time. ขอให้มีความสุข / ขอให้เที่ยวให้สนุก
Have a good/nice trip ขอให้เดินทางปลอดภัย
Sweet dreams / Sleep well ฝันดีนะ/นอนหลับให้สบายนะ
Good luck. / Be successful. โชคดี/ขอให้ประสบความสำเร็จ
Good night. ราตรีสวัสดิ์/ไปแล้วนะ (ใช้ลาตอนกลางคืน)
แบบอื่นๆ
Take care (of yourself) ดูแลตัวเองด้วย
Goodbye/Bye ไปแล้วนะ/ไปล่ะ


18 ก.พ. 2556

สรุปเนื้อหา + แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ Tense


หลักไวยกรณ์การเขียนประโยคให้สอดคล้องกับเวลา Tense  (ฉบับย่อ)
สิ่งที่ต้องทราบ
1. โครงสร้างของประโยคบอกเล่า แบบง่ายๆ ต้องประกอบด้วย ประธาน + กริยา + (กรรม) + (ส่วนขยาย)
2. หัวใจสำคัญที่ทำให้เราทราบว่า เหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นตอนไหน ให้สังเกตที่คำกริยาหรือคำกริยาวิเศษณ์บางคำหรือส่วนขยายที่บอกเวลา
3. กลุ่มคำกริยาที่ต้องจำให้ได้
4. ประธานของประโยค
ประธานเอกพจน์ หมายถึง ประธานที่เป็นคน, สัตว์, สิ่งของ, คำนามหรือคำสรรพนาม ที่มี 1 สิ่ง
ประธานพหูพจน์ หมายถึง ประธานที่เป็นคน, สัตว์, สิ่งของ, คำนามหรือคำสรรพนาม ที่มากกว่า 1  สิ่ง
ประธานบุรุษที่ 1 หมายถึง ตัวผู้พูดเอง ได้แก่  I, We
ประธานบุรุษที่ 2 หมายถึง ผู้ฟัง ได้แก่  You
ประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 หมายถึง คนที่เราพูดถึง ได้แก่ He, She, It, ชื่อคน 1 คน, ของ 1 สิ่ง
ประธานพหูพจน์บุรุษที่ 3 หมายถึง คนที่เราพูดถึง ได้แก่ They, ชื่อคนหลายคน, ของหลายอย่าง
5. คำศัพท์ที่ใช้อธิบาย
Subject = ประธาน      V1 = กริยาช่องที่ 1
V2 = กริยาช่องที่ 2      V3 = กริยาช่องที่ 3     Ving = กริยาเติม ing

ประโยคกลุ่มที่เป็นปัจจุบัน
1. Present Simple Tense  
รูปประโยค  subject + V1 (ที่เติม –s หรือ –es กับประธานเอกพจน์บุรุษที่ 3 เช่น He, She, It, ชื่อคน 1 คน, ของ 1 อย่าง, สถานที่ 1 สถานที่)
วิธีใช้
  1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบัน, นิสัย, กิจวัตรประจำวัน
  2. ใช้กับเหตุการณ์ทางธรรมชาติ ความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์
  3. อาชีพหรืองานที่ทำอยู่
มักมีคำว่า always = สม่ำเสมอ  often = บ่อย  usually = โดยปกติ
เช่น
She is my friend. เธอเป็นเพื่อนของฉัน
He plays tennis every week. เขาเล่นเทนนิสทุกสัปดาห์
We often read a newspaper พวกเราอ่านหนังสือพิมพ์บ่อยๆ
Yaya and Nadej are two super stars. ญาญ่าและณเดชน์เป็นดาราที่โด่งดัง

2. Present Continuous Tense
รูปประโยค  subject + is /am/are + Ving
วิธีใช้ 
 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในปัจจุบันขณะ ตอนนี้
 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต
มักมีคำว่า  now = ตอนนี้
เช่น
The boy is sleeping now.    เด็กคนนั้นกำลังนอนหลับอยู่ตอนนี้.
They are studying English.  พวกเขากำลังเรียนภาษาอังกฤษ
I am swimming with you tomorrow. ผมจะว่ายน้ำกับคุณวันพรุ่งนี้

Present Perfect Tense
รูปประโยค subject + have / has + V3
วิธีใช้
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบลง
2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดมาตั้งแต่อดีตต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันและดำเนินต่อไปในอนาคต
มักพบคำว้า just = เพิ่งจะ  already = แล้ว  yet = ยังไม่เสร็จ
เช่น
I have just seen the movie.
   ฉันเพิ่งจะไปดูหนังเรื่องนั้นมา
He has lived in this house for 3 years
  เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้มา 3 ปี (และยังอยู่ต่อไปอีก)
They have studied here since 2010.
  พวกเราเรียนที่นี้ตั้งแต่ปี 2010

Present Perfect Continuous Tense
รูปประโยค subject + have/has + been + Ving
วิธีใช้ ใช้เช่นเดียวกับ Present Perfect Tense
แต่เป็นการเน้นให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง
เช่น
I has been living  in this house for 4 years.
  ฉันอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตลอด 4 ปี (แบบไม่ได้ไปอยู่ที่อื่นเลย)
She has been waiting for me about 2 hours.
  เธอรอฉันมาตลอด 2 ชั่วโมง
I have been loving only you for all my life.
  ฉันรักเพียงเธอคนเดียวมาตลอดชีวิตของฉัน

กลุ่มที่เป็นอดีต
Past Simple Tense
รูปประโยค Subject + V2 (เติมed หรือเปลี่ยนรูป)
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจบสิ้นไปแล้วในอดีต

She was a teacher.   เธอเคยเป็นครู.
They studied this school. พวกเราเคยเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้
He gave you some money yesterday.
เขาได้ให้เงินคุณไปแล้วเมื่อวานวัน

Past Continuous Tense
รูปประโยค Subject + was /were + Ving 
วิธีใช้ 
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอดีต โดยทราบเวลาที่แน่นอน
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่กำลังที่เกิดพร้อมกันในอดีต
3. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ไม่พร้อมกันในอดีต โดยที่
     เหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ใช้ Subject + was /were + Ving
     เหตุการณ์ที่แทรกขึ้นมาใช้ Subject + V2

What were you doing at 10.00 o'clock yesterday?
คุณกำลังทำอะไรอยู่ตอน 10 โมงเมื่อวานนี้
   I was reading a new novel at 10.00 o'clock yesterday.
   ฉันกำลังอ่านนิยายเรื้องใหม่ตอน 10.00โมง เมื่อวานนี้

I was singing while they were playing game.
   ฉันกำลังร้องเพลงขณะที่พวกเขากำลังเล่นเกม
He was listening to music while his father came in his room.
   เขากำลังฟังเพลง ขณะที่ พ่อของเขาเดินเข้ามาในห้องของเขา

Past Perfect Tense
รูปประโยค Subject + had + V3
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ไม่พร้อมกันในอดีตโดยที่
          เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Subject + had + V3
          เหตุการณ์ที่เกิดตามมาใช้ Subject + V2
I had slept before my mother arrived home last night.
ฉันหลับไปก่อนที่แม่จะมาถึงบ้านเมื่อคืนนี้
Malee brushed her teeth after she had had dinner.
มาลีแปลงฟันหลังจากที่เขาทานมื้อเย็นแล้ว

Past Perfect Continuous Tense
รูปประโยsubject + had + been + Ving
วิธีใช้ ใช้เช่นเดียวกับ Past Perfect Tense แต่เป็นการเน้นให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง
He had been writing 7 books so far.
 ถึงตอนนี้ เขาเขียนหนังสือมา 7 เล่มแล้ว

กลุ่มที่เป็นอนาคต
Future Simple Tense
รูปประโยค Subject + will + V1
หรือ Subject + is/are/am + go to + V1
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

I will go to Hua-Hin with my family next week.
ฉันจะไปหัวหินกับครอบครัวสัปดาห์หน้า
He will go to visit his aunt next Sunday.
เขาจะไปเยี่ยมป้าของเขาวันอาทิตย์หน้านี้

Future Continuous Tense
รูปประโยค Subject + will + be + Ving 
วิธีใช้ ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและทราบเวลาที่แน่นอน

I will be flying to Phuket at 8.30 on next Tuesday.
ฉันจะกำลังบินไปภูเก็ตตอน 8.30 ในวันอังคารหน้า (กำลังอยู่บนเครื่องแล้วตอน 8.30)

Future Perfect Tense
รูปประโยค Subject + will + have + V3
วิธีใช้ 
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะสิ้นสุดลงในอนาคตโดยทราบที่แน่นอน
2. เหตุการณ์อย่างหนึ่งจบลง เมื่อมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น

We will have finished this project by the end of this month.
พวกเขาจะทำโครงการนี้เสร็จก่อนสิ้นเดือนนี้

She will have slept for 4 hours by 9 o'clock.
เขาจะนอนครบ 4 ชั่วโมงพอดีเมื่อถึง 9 โมง

The baby will have slept already by the time he reaches home.
เด็กน้อยคงจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะมาถึง

Future Perfect Continuous Tense
รูปประโยค Subject + will + have + been + Ving
วิธีใช้ ใช้เช่นเดียวกับ Future Perfect Tense แต่เป็นการเน้นให้เห็นถึงการกระทำที่ต่อเนื่อง

She will have been sleeping for 4 hours by the time he arrives
เธอคงนอนหลับได้ 4 ชั่วโมงแล้ว ตอนที่เขามาถึง

แบบฝึกหัด 
เลือกคำตอบที่ดีที่สุด ตัวอักษรต่างๆเป็นคำบอกใบ้ จะไม่พบในข้อสอบจริง ต้องพยายามสังเกตและจดจำ
1. He _____ a postman. เขาเป็นบุรุษไปรษณีย์ (ตอนนี้)
a. is  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)
b. am  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธาน I เท่านั้น)
c. are   (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
d. was  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีต และตามหลังประธานเอกพจน์)

2. She always _______ to the market every week. เธอ (ไป) ที่ตลาดทุกสัปดาห์
a. go   (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพจน์)
b. goes  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)
c. went (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีต และตามหลังประธานทุกตัว)
d going  (v1 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้)

3. Bee and Ben  _____ my best friends. บีและเบน (เป็น)เพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน
a. is   (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)
b. am  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธาน I เท่านั้น)
c. are   (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
d. were  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตจบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)

3. They often _____ football before lunch. พวกเขา(เล่น)ฟุตบอลก่อนทานอาหารเที่ยงบ่อยๆ
a. plays (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)
b. playing (v1 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้)
c. play (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
d. have played (have + v3  ใช้ในเหตุการ์ที่เพิ่งจบลงหรือดำเนินมาจากอดีต ใช้กับประธานพหูพจน์)

4. Yesterday we dinner together. เมื่อวานนี้พวกเรา(ทาน)อาหารมื้อเย็นด้วยกัน
a. eat  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
b. have  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
c. had  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตจบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)
d. has  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)

5. You ______ the exam now. คุณ (กำลังทำ) ข้อสอบอยู่ตอนนี้
a. is doing  (ใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธานเอกพจน์)
b. am doing. (ใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธาน I เท่านั้น)
c. are doing  (ใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธานพหูพจน์)
d. did  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตจบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)

6. He ______ very late last night. เขานอนดึกมากเมื่อคืนก่อน
a. sleeps (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)
b. is sleeping (is + ving ใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธานเอกพจน์)
c slept  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตที่จบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)
d. will sleep (will + v1 ใช้กับเหตุการณ์ที่จะทำหรือเกิดขึ้นในอนาคต และตามหลังประธานทุกตัว)

7. I _______ fishing with them tomorrow. ฉัน (จะไป) ตกปลากับพวกเขาวันพรุ่งนี้
a. go  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
b. went  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตที่จบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)
c. will go  (will + v1 ใช้กับเหตุการณ์ที่จะทำหรือเกิดขึ้นในอนาคต และตามหลังประธานทุกตัว)
d. goes  (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)

8. Tim _______  his car soon. ทิม (จะขาย) รถยนต์ของเขาเร็วๆนี้
a. sells (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานเอกพจน์)
b. sold  (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตที่จบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)
c. will sell  (will + v1 ใช้กับเหตุการณ์ที่จะทำหรือเกิดขึ้นในอนาคต และตามหลังประธานทุกตัว)
d. are selling (are + vingใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธานพหูพจน์)

9. Kim _______ at 16.00 yesterday. คิมกำลังว่ายน้ำอยู่ตอน บ่าย 4 โมงเมื่อวานนี้
a. is swimming  (is + ving ใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธานเอกพจน์)
b. has swum  (has + v3  ใช้ในเหตุการ์ที่เพิ่งจบลงหรือดำเนินมาจากอดีต ใช้กับประธานเอกพจน์)
c. will swim  (will + v1 ใช้กับเหตุการณ์ที่จะทำหรือเกิดขึ้นในอนาคต และตามหลังประธานทุกตัว)
d. was swimming (was + ving ให้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดในอนาคตและจบไปแล้ว มีเวลาบอกไว้ชัดเจน ใช้กับประธานเอกพจน์)

10. Ben ______ this book for 2 months. เบนเขียนหนังสือเล่มนี้เป็นเวลา 2 เดือน
a. write (v1 ใช้ในเหตุการ์ปัจจุบัน และตามหลังประธานพหูพูจน์)
b. wrote (v2 ใช้ในเหตุการ์ในอดีตที่จบไปแล้ว และตามหลังประธานทุกตัว)
c. am writing (ใช้กับเหตุการ์ที่กำลังเกิดอยู่ในปัจจุบัน ตามหลังประธานพหูพจน์)
d. has written  (has + v3  ใช้ในเหตุการ์ที่เพิ่งจบลงหรือดำเนินมาจากอดีต ใช้กับประธานพหูพจน์กับ I )

เฉลย
1.  a. is       2. b. goes   3. c. play   4. c. had
5. c. are doing   6. c slept     7. c. will go   8. c. will sell  
9. d. was swimming   10. d. has written

แนวข้อสอบวิชาสุขศึกษา


1) คำว่า สุขภาพ หมายถึง ...
ก) สภาวะความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย     ข) สภาวะความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
ค) สภาวะความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยปราศจากโรคและความพิการ

2) ข้อที่ไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม
ก) ต้อมชอบเที่ยวกลางคืน       ข) แดงไม่ชอบทานอาหารเย็น
ค) แป้งชอบดื่มน้ำอัดลม

3) ข้อใดเป็นการเลือกซื้อสินค้าที่ถูกต้อง
ก) ฟ้าซื้อของตามโฆษณา        ข) พรซื้อตามเพื่อนแนะนำ
ค) โตโต้อ่านฉลากว่ามี อ.ย. และดูวันหมดอายุ รวมถึงสภาพบรรจุภัณฑ์

4) อ.ย. ย่อมาจากคำว่า .....
ก) องค์การการค้าโลก        ข) อาหารและยารักษาโรค
ค) องค์การอาหารและยา

5) ข้อใดไม่ใช่โรคติดต่อทั้งหมด
ก) โรคหัด,  โรคมะเร็ง          ข) โรคฉี่หนู, โรคหนองใน
ค) โรคหัวใจ, โรคไมเกรน, โรคเบาหวาน

6) สิ่งปนเปื้อนในอาหาร  หมายถึง สิ่งที่ปะปนอยู่ในอาหาร เกิดในขบวนการผลิต การเก็บ ซึ่งเกิดจากความไม่ตั้งใจ
7) สิ่งปลอมปนในอาหาร หมายถึง การใช้สารที่ไม่ได้ระบุไว้ว่าเป็นส่วนประกอบของอาหารหรือผลิตภัณฑ์ โดยความตั้งใจ

8) ข้อใดเป็นอาการของคนที่ขาดแคลเซียม
ก) ปลาเป็นโรคเลือดแข็งตัวช้า      ข) แดนเป็นโรคคอพอก
ค) น้ำเป็นโรคกระดูกพรุ่น

9) ข้อใดเป็นการปฐมพยาบาลคนที่มีบาดแผลและเลือดออกไม่มากได้ถูกต้อง
ก) กว้างหาผ้าสะอาดปิดที่บาลแผลทันที
ข) ก้อยทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาดก่อน
ค) นางพยาบาลฉีดยากันบาดทะยัก

10) คนใดที่ถือว่าออกกำลังกายอย่างถูกต้องเหมาะสม
ก) ลุงคำวิ่งที่สวน 10 กิโลเมตรทุกวัน
ข) แนนออกกำลังจนเหงื่อ ออกทุกวัน 45 นาที
ค) น้องภา กระโดดเชือกพร้อมกันคิ้วขนม

11) ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของกระดูก
ก) สร้างเม็ดเลือด       ข) เป็นโครงสร้างและแกนหลักของร่างกาย
ค) ป้องกันอวัยวะสำคัญอื่นๆ
ง) ป้องกันความหนาวเย็น

12) ข้อไม่ใช่โดยตรงเป็นประโยชน์ของผิวหนัง
ก) รักษาอุณหภูมิในร่างกาย       ข) ป้องกันเชื้อโรค
ค) เพื่อความสวยงาม

13) อวัยวะข้อใดที่ไม่อยู่ในระบบเดียวกัน
ก) กระดูกรูปฆ้อน แก้วหู ใบหู     ข) ลิ้น หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร
ค) กระเพาะอาหาร ไต ลำไส้ใหญ๋

14) ข้อใดกล่าวถูกต้อง
ก) ฟุตบอลมีผู้เล่นในสนาม 20 คน
ข) บาสเก็ตบอลมีผู้ฝ่ายละ 6 คน
ค) ปิงปองประเภทรคู่ผู้เล่นต้องตีลูกสลับกัน

15) ข้อใดไม่เป็นข้อดีของการเลิกบุหรี่
ก) ดมกลิ่มอาหารได้ดีขึ้น หายใจสะดวกขึ้น   ข) เลือดไหลเวียนดีขึ้น
ค) ขับถ่ายได้สะดวก       ง) มีเงินเก็บมากขึ้น

16) อิมมีอาการตาพล่า มองไม่เห็นในเวลากลางคืน เยื่อบุตาและตาแห้ง ควรทานอาหารประเภทใด
ก) ส้ม มะนาว นม         ข) น้ำแครอท มะระกอสุก ผักบุ้ง
ค) กล้วย มังคุด ตำลึง

17) ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง
ก) หัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิต         ข) เลือดดำมีทิศทางเข้าสู่ปอด
ค) น้ำลายไม่ได้ส่วนช่วยในการย่อยอาหาร