22 ก.ย. 2554

ยอดเงินบริจาคช่วยน้ำท่วม

วันที่ 11 กันยายน 2554 ซึ่งเป็นวันปัจฉิมนิเทศของนักศึกษา กศน.แขวงบางขุนเทียน และ กศน.แขวงบางค้อ ได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาได้ร่วมกันบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เป็นเงินทั้งสิ้น 2,300 บาท และได้นำไปจัดซื้อสิ่งของที่จำเป็นได้จำนวน 46 ชุด และได้นำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยเรียบร้อยแล้วที่ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ขอขอบคุณในความมีน้ำใจของนักศึกษาทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย

งานวันปัจฉิมนิเทศ

งานนี้ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมสุดท้ายของภาคการเรียนนี้
คืองานปัจฉิมนิเทศนักศึกษา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2554
ในวันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา ณ
โรงเรียนมงคลวราราม ก็มาดูภาพบรรยายในงานกันครับ..
ท่านผอ. วราภรณ์ พุทธวงษ์
 ผอ. รร.วัดมงคลวราราม

นายสมเกียรติ พัฒนพลาภรณ์ รองผู้อำนวยการ กศน.เขตจอมทองกล่าวให้โอวาท




นักศึกษาก็ตั้งใจฟังอย่างเป็นระเบียบ

ครูสุภาพร หัวหน้า กศน.แขวงบางค้อ ให้ความรู้เกี่ยวกับการสอบ

ท่านรอง...ของเราก็มานั่งฟังเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ

ท่านผอ. เจริญ ของเราก็มากล่าวให้โอวาทและถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆให้ฟัง

นักศึกษาก็ยังคงฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนเดิม

ครูอิงอร หัวหน้า กศน.แขวงบางขุนเทียน ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการฝนกระดาษคำตอบ
และสิ่งที่ควรรู้ในวันสอบ

ครูศิริพร ครู กศน.วัดมงคลวราราม ให้ความรู้เรื่องนักศึกษา กยศ.

ครูศรายุทธ์ สรุปความรู้ทั้งหมดเพิ่มเติม
 
นี่ก็เป็นนักศึกษาของเราเช่นกัน...ยังดูสดใส...
แต่วันสอบจะเป็นอย่างไร.... ไม่อาจทราบได้

ขอขอบคุณ รร. วัดมงคลวราราม ที่เอื้อเฟื้อสถานที่
มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

21 ก.ย. 2554

งานคอนเสริ์ตเปิดหนังสือ02

ก็มาชมภาพจากงานงานคอนเสริ์ตเปิดหนังสือกันต่อเลยนะครับ

ท่านศิลปินแห่งชาติ ชินกร ไกรลาศ มาแหลและทอล์กโชว์ให้ข้อคิดดีๆ

แม่ทำงาน...ลูกนอนอยู่ที่ตัก...เป็นภาพที่อบอุ่นจริงๆ



พวกหนูได้งานมาส่งอาจารย์แล้วนะคะ

งานแบบนี้ผู้ชายก็ทำได้ครับ
 
ทำงานด้วยความยิ้มแย้ม
มินิคอนเสริต์จากน้องเดียร์ ดารินทร์

 
ผอ. เจริญ ของพวกเราก็มาดูแลงานอยู่ข้างเวที




อาจารย์ที่มาให้ความรู้



งานนี้นอกจากสนุกสนานแล้วก็ยังได้รับประสบการณ์และ
ความรู้ดีๆกันไปเต็มๆ กันเลยครับ....

ขอขอบคุณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 2
ที่กรุณาเอื้อเฟื้อสถานที่...มา ณ โอกาสด้วยครับ

งานคอนเสริ์ตเปิดหนังสือ01

ตอนนี้ในก็ขอนำภาพจากกิจกรรมต่างๆที่ยังเหลืออยู่มาให้
พวกเราได้ดู งานแรกนี้เป็นงานคอนเสริ์ตเปิดหนังสือ
วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา ณ ห้องพระราม 2 Hall
ห้างสรรพสินค้าเซนทรัลพลาซ่า ด้วยความร่วมมือร่วมในกัน
ของกศน. เขตพื้นที่ฝั่งธนบุรี 15 เขต มาดูภาพในงานกันเลยครับ

ช่วงที่1 เป็นช่วงการเปิดงานและของที่ระลึก



เริ่มต้นด้วย...กระตั้วแทงเสือ...จากเขตบางบอน


 
ท่านประเสริฐ บุญเรือง (เลขาธิการสำนักงาน กศน.) กล่าวเปิดงาน
 
การแสดงในชุด พ่อหลวงของปวงไทย จากเขตภาษีเจริญ

พิธีการเปิดงาน

รับของที่ระลึกและถ่ายภาพร่วมกัน

ท่านผอ. เขตจอมทองของพวกเรา
 ช่วงที่ 2 เป็นช่วงของกิจกรรมดีๆและการแสดงต่างๆ


นักศึกษามาร่วมงาน

การทำกระเป๋าเงินของเขตจอมทอง

เครื่องหอมสมุนไพร...จากเขตทวีวัฒนา


เสื้อและของใช้สวยๆ...จากเขตตลิ่งชั่น


ท่านวิทยากร...สอนทำลูกโป่งแฟนซี

ผลิตภัณฑ์น่าใช้จากเขตจอมทอง

ท่านวิทยากร...สอนทำกระเป๋า

นักศึกษาของเราก็ตั้งใจฝึกฝน...เรียนรู้
ยังมีต่อตอนที่ 2 ครับ
** โปรดติดตาม **

14 ก.ย. 2554

ประโยคภาษาอังกฤษ04

คราวนี้ลองมาแปลประโยคภาษาอังกฤษแบบทั่วๆไปกันบ้าง

No children dislikes cake.
ไม่มีเด็กคนไหนเลยที่ไม่ชอบทานขนมเค้ก


He is full.  เขาอิ่มแล้ว

In summer it’s sometimes very hot.
ในฤดูร้อน บางครั้งก็อากาศร้อนมาก

Mother washes all my dirty clothes.
แม่ซักเสื้อผ้าที่สกปรกทั้งหมดของฉัน

A frog is under the benchกบตัวหนึ่งอยู่ใต้ม้านั่ง

It is cool. มันยอดมาก
I want some some cool water. ฉันต้องการน้ำเย็น
My friend will buy a new car.
เพื่อนของฉันจะซื้อรถใหม่

They had to stay at home
because it was raining heavily yesterday.
พวกเขาต้องอยู่ที่บ้านเพราะฝนต้องหนักมากเมื่อวานนี้

Tom went to his friends while he had had lunch.
ทอมไปหาเพื่อนของของขณะที่เขาทานอาหารเที่ยง

I wanted to help an old woman left the box
but she said she could do it herself.
ฉันต้องการช่วยหญิงชราคนหนึ่งยกกล่อง
แต่เธอพูดว่าเธอทำมันด้วยตัวเธอเองได้

He listens to classical music after he comes home from work.
เขาฟังดนตรีคลาสสิกหลังจากเขากลับบ้านจากที่ทำงาน

She decided to leave when it was dark outside.
เธอได้ตัดสินใจออกไปข้างนอกเมื่อตอนที่ด้านนอกมืดแล้ว

It started to rain while we were playing basketball.
ฝนเริ่มตกขณะที่พวกเรากำลังบาสเก็ตบอล

I can’t understand why she hasn’t boyfriend yet.
ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงยังไม่มีแฟนสักที

He didn’t know what time we left the party.
เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่พวกเราออกมาจางานเลี้ยง

He broke his leg when he fell down the bus.
ขาของเขาหักตอนที่เขาตกลงมาจากรถประจำทาง

She wanted to open the door but she couldn’t find the key.
เธอต้องการเปิดประตูแต่เธอหากุญแจไม่เจอ

Jim cannot go to market alone.
จิมไม่สามารถไปตลาดคนเดียวได้

I like the black blouse, not the blue one.
ฉันชอบเสื้อ(ของสตรี)สีดำไม่ใช่เสื้อสีฟ้า
หมายเหตุ one ในประโยคนี้เป็นคำสรรพนาม
แทนคำว่า blouse

Jane feels better after she takes a nap.
เจนรู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้งีบหลับสักครู่

That is a computer textbook.
นั้นเป็นตำราคอมพิวเตอร์

My brother called his girlfriend yesterday.
พี่ชายของฉันโทรหาแฟนของเขาเมื่อวานนี้

She talked to her boss for many hours.
เธอคุยกับหัวหน้าของเธออยู่หลายชั่วโมง

We were eating mushroom soup but he is eating salad.
พวกเรากำลังกินซุปเห็ดแต่เขากำลังกินสลัด

She is working hard for her children.
เธอกำลังทำงานหนักเพื่อลูกๆของเธอ
หมายเหตุ
work = ทำงาน, ที่ทำงาน
work hard = ทำงานหนัก, ขยันทำงาน/เรียน

His parents have two cars.
พ่อแม่ของเขามีรถ 2 คัน

They are coming to visit us tomorrow.
พวกเขาจะมาเยี่ยมพวกเราพรุ่งนี้

He is going to work right now.
เขาจะไปทำงานอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว

The man with the red hat is my brother.
ผู้ชายที่มีหมวกสีแดงเป็นพี่ชายของฉัน

I have an English class every day.
ฉันมีชั่วโมงเรียนวิชาภาษาอังกฤษทุกวัน

He didn’t bring my dictionary today.
เขาไม่มานำพจนานุกรมมาด้วยวันนี้

You’re in luck.
คุณโชคดีมาก

I have good news and bad news.
ฉันมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย

I don't know what you gave me.
ฉันไม่รู้ว่าคุณให้อะไรฉันมา

* * * * *

ประโยคภาษาอังกฤษ03

มาดูกันต่อกับประโยคคำถามภาษาอังกฤษ

Who likes Chinese cultures?   ใครที่ชอบวัฒนธรรมจีน
   John and I.      จอห์นกับผม
หมายเหตุ ถ้ามีประธานหลายตัวต้องเขียน I ไว้สุดท้ายเสมอ
    I and John. ไม่ถูกต้อง

Where do you live?  คุณพักอยู่ที่ไหน
   I live with my roommate at a dormitory.
  ฉันอยู่กับเพื่อนร่วมห้องที่หอพัก

What are your hobbies?  คุณมีงานอดิเรกอะไร
     Swimming and taking pictures are my hobbies.
     การว่ายน้ำและการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกของฉัน

When is your birthday?  เมื่อถึงจะเป็นวันเกิดของคุณ
    In November.  เดือนพฤศจิกายน

Who is good at English in this class? 
ใครที่เก่งภาษาอังกฤษในห้องนี้
    No one is good at it.
    ไม่มีใครเลยที่เก่ง
    Fon and Tee are good at it.
    ฝนกับตี๋เก่งภาษาอังกฤษ

How old is her son?  ลูกชายของเธออายุเท่าไหร่
   eight.   8 ปี

Where are your picturesรูปของคุณอยู่ที่ไหน
   On my bed. อยู่ที่เตียงของฉัน

What color is his bedroom?   ห้องนอนคุณสีอะไร
   Bright blue.    สีฟ้าอ่อน

Who is your favorite super star?

โครเป็นดาราคนโปรดของคุณ
   Bird ThongChai.
What color is your new carpet
สีพรมใหม่ของคุณเป็นสีอะไร
    It is yellow.  
    มันเป็นสีเหลือง  
Whose books are these?  สมุดพวกนี้เป็นของใคร
    They are mine.     มันเป็นของฉัน
    They are Jim's books.   มันเป็นหนังสือของจิม
Why did you quit your job?
ทำไมคุณถึงลาออกจากงาน
    I want to find a new job.   ฉันต้องการหางานใหม่
    I want to earn more salary. ฉันต้องการได้เงินเดือนมากขึ้น
    I don't like this job.    ฉันไม่ชอบงานนี้
    My old work is too far.  ที่ทำงานเก่าของฉันอยู่ไกลเกินไป

Who are you going to Tokyo?   ใครจะไปโตเกียว
   I am going to Tokyo with my company.
   ฉันจะไปโตเกียวกับบริษัทของฉัน
   Fon is going to Tokyo with her friend.
   ฝนจะไปโตเกียวกับเพื่อนของเธอ
Why aren't you going to my party?
ทำไมคุณไม่มางานเลี้ยงของฉัน
    We did our homework last night.
    พวกเราทำการบ้านคืนก่อน
    I had to review my lesson for final test.
    ฉันต้องทบทวนบทเรียนสำหรับการสอบปลายภาค
Where are you hurting?  คุณเจ็บตรงไหนครับ?
  I hurt my leg.    ฉันเจ็บที่ขา
  I  hurt all over.  ฉันเจ็บไปทั้งตัวเลย

* * * * *

ประโยคภาษาอังกฤษ02

ตัวอย่างการเปลี่ยนประโยคเป็นปฏิแสธ


We have some milk every day. พวกเราดื่มนมทุกวัน
We haven’t any milk every day. พวกเราไม่ได้ดื่มนมทุกวัน

hate Math lessons. ฉันเกลียด(ไม่ชอบ)วิชาคณิตศาสตร์
don’t hate Math lessons. ฉันไม่เกลียด(ชอบ)วิชาคณิตศาสตร์

The monkey likes to eat everything    ลิงชอบกินทุกอย่าง
The monkey doesn’t like to eat anything.
ลิงไม่ชอบกินของทุกอย่าง

Children like cake.  เด็กชอบทานขนมเค้ก
Some children don’t like cake.  เด็กบางคนไม่ชอบทานขนมเค้ก

He is hungry.  เขากำลังหิว
He is not hungry.  เขาไม่ได้หิว

She was a bad student.  เธอเคยเป็นเด็กไม่ดีมาก่อน
She wasn’t a bad student.  เธอไม่เคยเป็นเป็นเด็กไม่ดี

My Father went to work yesterday.    
พ่อของฉันไปทำงานเมื่อวานนี้
My father didn't go to work yesterday. 
พ่อของฉันไม่ได้ไปทำงานเมื่อวานนี้
 
* * * * *

ประโยคภาษาอังกฤษ01

ถึงแม้ว่าเรื่องราวในหนังสือภาษาอังกฤษจะจบไปแล้ว
แต่เนื้อหาในภาษาอังกฤษยังมีอีกมากมายใช้เราได้
เก็บเกี่ยวและศึกาอีกมากมาย ให้พวกเราค่อยๆรู้เรื่องกันไป

การใช้ How many และ How much

How many ตามด้วยนามพหูพจน์ ใช้ถามจำนวนมาก
How much ตามด้วยนามนับไม่ได้ ใช้ถามจำนวน
     หรือถามราคา เช่น

How many children do you have?  คุณมีเด็กๆ(ลูก)กี่คน
   I have 2 sons.     ฉันมีลูกชาย 2 คน  

How many children does she have?  เธอมีเด็กๆ(ลูก)กี่คน
   She has one daughter  เธอมีลูกสาวหนึ่งคน

How many sweets are in the bowl?    มีลูกกวาดอยู่ในชามเท่าไร่
   About 2 dozens, I think.     ประมาณ 2 โหล, ผมคิด

How many books are there in the schoolbag?
มีหนังสือกี่เล่มในกระเป๋าหนังสือ
   There are ten books in the schoolbag.
    มีหนังสือ 10 เล่มในกระเป๋า

How much is this pullover?    เสื้อกันหนาวตัวนี้ราคาเท่าไหร่
    It is 2 hundreds baht.          200 บาท

How much is this bag?   กระเป๋าใบนี้ราคาเท่าไหร่
   This bag is 600 baht.    กระเป๋าใบนี้ราคา 600 บาท

How much sugar do you want?  คุณต้องการน้ำตาลมากแค่ไหน
   I want to buy 2 kilograms     ฉันต้องการซื้อ 2 กิโลกรัม

How much sugar does he want?    เขาต้องการน้ำตาลมากแค่ไหน
  He wants to buy a half kilogram   เขาต้องการซื้อครึ่งกิโลกรัม
How much is the white T–shirt?  เสื้อทีเชิ้ตสีขาวตัวนี้ราคาเท่าไหร่
  The white T-shirt is two hundred and sixty baht.
  เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนี้ราคา 260 บาท

ประโยคคำถามเรื่องทั่วๆไปWhat do they usually do on Monday night?
ปกติพวกเขาทำอะไรคืนวันจันทร์
    They never do housework on Monday night.
    พวกเขาไม่เคยทำการบ้านในคืนวันจันทร์

When does she usually check her E– mail?
ปกติเธอเช็คอีเมล์ของเธอตอนไหน
    She often checks his e-mail in the afternoon.
   เธอมักจะเช็คอีเมล์ของเธอตอนบ่อย

Where do you have lunch
พวกคุณทานข้าวเที่ยงที่ไหน
    We have lunch at the school canteen.
    พวกเรากินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของโรงเรียน
ในที่นี้ you หมายถึง คุณ(หลายคน) จึงตอบด้วย We

Why does Joy get up late?
ทำไมจอยมักจะตื่นนอนสาย
   Joy gets up late because she always sleeps late.
   จอยตื่นสายเพราะเธอนอนดึกอยู่เสมอ

What does Jane have for breakfast?
เจนทานอะไรเป็นอาหารเช้า
    She has cereal and fruit for breakfast.
    เธอทานธัญพืชและผลไม้เป็นอาหารเช้า

Who often studies at the library?
ใครที่เข้าไปค้นคว้าที่ห้องสมุดบ่อยๆ
    Jane often studies at the library.
    เจนเข้าไปค้นคว้าที่ห้องสมุดบ่อยๆ

When do you walk to school?
เมื่อไหร่ที่คุณเดินไปโรงเรียน
    I walk to school on Tuesdays.
   ผมเดินไปโรงเรียนวันอังคาร

* * * * *

ภาษาอังกฤษม.ต้น16

ตอนนี้ก็เป็นตอนสุดท้ายของภาษาอังกฤษที่มาหนังสือ
แบบเรียนของเรา ในส่วนที่ไม่ได้มีการแปลไว้
มาดูกันต่อดีกว่าครับ

หน้า 81

Situation 3 (สถานการณ์ที่3)
Suda : Excuse me, could you pass me some pepper, please?
สุดา : ขอโทษค่ะ ช่วยส่งพริกไทยให้ฉันได้ไหม?

Malee : Sure. Here you are
มาลี : ได้ซิ นี่ไง

Suda : Thank you.
สุดา : ขอบคุณ

Malee : With pleasure.
มาลี : ด้วยความยินดี

* * * * *
หน้า 82
Situation 4 (สถานการณ์ที่4)
Wichai : Excuse me, do you mind if I close that windows ?
      I feel so cold.
วิชัย : ขอโทษครับ คุณจะว่าอะไรไหมถ้าผมปิดหน้าต่าง?
     ผมรู้สึกหนาวมาก

Suda : I'm afraid you should ask the others first.
สุดา : ฉันเกรงว่าคุณควรถามคนอื่นๆก่อน

* * * * *
หน้า 83
Situation 5 (สถานการณ์ที่5)
Suda : Happy birthday, Malee.
สุดา : สุขสันต์วันเกิด มาลี

Malee: Thank you very much.
มาลี : ขอบคุณมาก

Suda : Here is a little present for you.
สุดา : แล้วนี้ของขวัญเล็กน้อยสำหรับคุณ

Malee : That's very thought of you.
มาลี : คุณนี้ชังคิดจัง (ขอบคุณ)

Suda : That's nothing.
สุดา : ไม่เป็นไร

* * * * *
หน้า 84
Situation 6 (สถานการณ์ที่6)
Wichai : Please send this letter for me, Mana.
วิชัย : ช่วยส่งจดหมายนี้ให้ผมหน่อย มานะ

Mana : All right.
มานะ : ได้ซิ

Wichai : Thanks a lot.
วิชัย : ขอบคุณมาก

Mana : Not at all.
มานะ : ไม่เป็นไรหรอก

* * * * *
หน้า 85
Situation 7 (สถานการณ์ที่7)
Miss kaewta : Do you finish your homework?
แก้วตา : คุณทำการบ้านเสร็จแล้วหรือยัง?

Wichai : I'm sorry. There's two exercises left.
    Can I send it tomorrow?
วิชัย : ขอโทษครับ ยังเหลืออีก 2 แบบฝึกหัดครับ
    ผมขอส่งมันวันพรุ่งนี้ได้หรือเปล่าครับ?

Miss kaewta : I'm afraid you can't because
     you'll lose 10 marks for this matter.
แก้วตา : ฉันเกรงว่าไม่ได้ เพราะว่า
    คุณจะเสีย 10 คะแนนสำหรับเรื่องนี้

* * โปรดติดตามในเรื่องต่อไป* *

ภาษาอังกฤษม.ต้น15

บทสนทนาในตอนนี้จะเป็นการถามทางและบอกทาง
สนใจมาก ลองมาติดตามกันครับ
หน้า 77
Suda : Excuse me, do you know where the police station is?
สุดา : ขอโทษค่ะ.. คุณทราบหรือเปล่าว่าสถานีตำรวจอยู่ที่ไหน?

Woman: Sorry, I don’t. I’m not from this city.
ผู้หญิง : ขอโทษ ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่ได้มาจากเมืองนี้ (ไม่ได้อยู่ที่นี่)

Suda : Thanks anyway.
สุดา : ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไร

Man : Can I help you, Miss?
แมน : มีอะไรให้ช่วยไหมครับ คุณผู้หญิง

Suda : Oh, yes. Can you tell me how to get to the police station?
สุดา : โอ้...ใช่ค่ะ.. คุณสามารถบอกทางฉันไปที่สถานีตำรวจได้ไหมค่ะ?

Man : Walk up this road about two blocks. When you get to
   Saint Bernard road, turn right. It’s beside the post office.
แมน : เดินขึ้นไปตามถนนนี้ประมาณ 2 ช่วงตึก เมื่อคุณไปถึ
   ถนนSaint Bernard ให้เลี้ยวขวา มันจะอยู่ข้างๆที่ทำการไปรษณีย์

Suda : O.K. Go up this street and turn right at
    Saint Bernard road. It’s next to the post office.
สุดา : ได้ เดินตรงขึ้นไปตามถนนนี้แล้วเลี้ยวขวาที่
    ถนน Saint Bernard มันจะอยู่ข้างกับที่ทำการไปรษณีย์

Man : That’s correct.
แมน : ถูกแล้วครับ

Suda : Thank you very much.
สุดา : ขอบคุณมากค่ะ

Man : No problem.
แมน : ไม่มีปัญหาครับ

อธิบายเสริม
1. คำว่า Excuse me. แปลว่า ขอโทษที่ขัดจังหวะ
2. คำว่า Sorry แปลว่า ขอโทษ
   * แบบเราทำผิดในบางสิ่ง
   * นำหน้าประโยคแสดงความเสียใจ
   * นำหน้าประโยคปฏิเสธ เมื่อเราไม่รู้หรือช่วยอะไรใครไม่ได้

* * * * *

หน้า 78
Suda : Excuse me, please. Will flight TG 2008
       arrive at terminal C?
สุดา : ขอโทษค่ะ... เที่ยวบินที่ ทีจี2008
       จะมาถึงที่สถานีปลายทางช่อง C ใช่ไหมคะ?

Airline Staff : Yes, it will.
เจ้าหน้าที่สายการบิน : ใช่ค่ะ

Suda : Is terminal C in this building?
สุดา : สถานีปลายทางช่อง C อยู่ที่ตึกนี่หรือเปล่า?

Airline Staff : No, it is not. It's in the next building.
เจ้าหน้าที่สายการบิน : ไม่ใช่ค่ะ มันอยู่ที่ตึกถัดไป

Suda : Could you tell me the way to terminal C, please?
สุดา : คุณช่วยบอกทางฉันไปที่สถานีปลายทางช่อง C หน่อยค่ะ?

Airline Staff : Walk along. When you see the sign "EMERGENCY",
     turn left. Then, Follow the blue arrow on the floor until you see
     the sign “Entrance to Terminal C” on your right.
เจ้าหน้าที่สายการบิน : เดินตรงไป เมื่อคุณเห็นป้ายสัญญาณ "ฉุกเฉิน"
   ให้เลี้ยวซ้าย เดินตามลูกศรสีฟ้าที่อยู่บนพื้นไป จนกระทั่งคุณพบ
   ป้ายสัญญาณ “ทางเข้าช่อง C ” ทางด้านขวา

Suda : Thank you
สุดา : ขอบคุณค่ะ

Airline Staff : No problem. You should hurry up.
     Flight TG 2008 is landing now.
เจ้าหน้าที่สายการบิน : ไม่เป็นไรค่ะ.. แต่คุณควรรีบหน่อย
    เที่ยวบินทีจี2008 กำลังจะลงจอดแล้ว

Suda : Thanks again.
สุดา : ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

Airline Staff : You're welcome.
เจ้าหน้าที่สายการบิน : ด้วยความยินดีค่ะ

อธิบายเสริม
1. คำว่า TG ย่อมาจาก Thai Government ใช้เป็นรหัสเฉพาะ
      บอกให้ทราบว่าเที่ยวบินนี้มาจากประเทศไทย
2. คำว่า land มีความหมายหลายอย่าง
    land(n) = ที่ดิน, แผ่นดิน land(v) = ลงจอด, ลงสู่พื้นดิน
* * * * *

หน้า 79
Situation 1 (สถานการณ์ที่1)

Suda : Excuse me. Is this seat unoccupied?
สุดา : ขอโทษค่ะ ที่นั่งตรงนี้ว่างอยู่แล้วหรือเปล่า?

Chaba: Yes, it is.
ชบา : ค่ะ

Suda : Thank you.
สุดา : ขอบคุณ

Chaba: You're welcome. What's your name?
ชบา : ยินดีค่ะ คุณชื่ออะไรหรือคะ?

Suda : My name is Suda
สุดา : ฉันชื่อสุดา

Chaba: Nice to meet you. I'm Chaba.
ชบา : ยินดีที่ได้พบค่ะ ฉันชื่อชบา

อธิบายเสริม
ประโยคในการแนะนำตัวแบบง่ายๆ มีดังนี้
   My name is ...ชื่อ...
   I am ... ชื่อ ...
* * * * *

หน้า 80
Situation 2 (สถานการณ์ที่2)
Malee : Excuse me. I want to go to the library.
     Could you please tell me the way?
มาลี : ขอโทษค่ะ ฉันอยากจะไปห้องสมุด
     คุณช่วยบอกทางให้ฉันได้ไหมคะ?

Nasara : Certainly. Walk along this path. Turn left at
     the garden corner. Walk along to the NT building.
     Go inside that building and ask at the information
     where the elevator is? Go up to the third floor.
     The library is there.
นัสรา : แน่นอน เดินไปตามทางนี้ เลี้ยวซ้ายที่
      มุมสวน เดินไปตามทางของตึก NT เข้าไปในตึกนั้น
     แล้วถามประชาสัมพันธ์ว่าลิฟท์อยู่ที่ไหน?
     ขึ้นไปที่ชั้น 3 ห้องสมุดอยู่ที่นั้น

Malee : Where's the NT building?
มาลี : แล้วตึก NT อยู่ที่ไหน

Nasara : It's behind the Rector Office building.
นัสรา : มันอยู่ด้านหลังตึกของสำนักอธิการบดี

Malee : Thanks for your kindness
มาลี : ขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณ

Nasara : You're welcome
นัสรา : ด้วยความยินดีค่ะ

อธิบายเสริม
การบอกลำดับชั้นของตึกและการเขียนวันที่
ในภาษาอังกฤษ จะแสดงด้วยเลขลำดับ เช่น
1st = the first
2nd = the second
3rd = the third
4th = forth
5th = fifth

* * * *

ภาษาอังกฤษม.ต้น14

มาดูเรื่องราวที่เป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษกันต่อนะครับ
มาจากหนังสือภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

หน้า 73-74

Situation 4 (สถานการณ์ที่4)

Malee : I would like to withdraw and transfer 300 U.S. dollars
    to my mother' account. What should I do?
มาลี : ฉันต้องการถอนเงินและโอนเงิน 300 ดอล์ลาร์
   เข้าบัญชีของแม่ฉัน ฉันควรเป็นอะไรบ้าง

Teller : Please fill out the withdrawal from, then fill out
    this transfer from; filling your mother's account number.
พนักงาน : กรอกแบบฟอร์มในใบถอนเงินก่อนครับ
     แล้วกรอกแบบฟอร์มใบโอนเงิน ใส่เลขที่บัญชีของคุณแม่คุณ

Malee : How much do I have to pay for the bank charge?
มาลี : ฉันต้องจ่ายค่าบริการเท่าไหร่คะ?

Teller : 10 U.S. dollars.
พนักงาน : 10 ดอล์ลาร์ครับ

Malee : Here you are.
มาลี : นี่ค่ะ

Teller : This is your receipt.
พนักงาน : นี่ใบเสร็จของคุณครับ

Malee : Thank you.
มาลี : ขอบคุณค่ะ

Teller : You're welcome.
พนักงาน : ด้วยความยินดีครับ

 * * * * *

หน้า 74
Situation 5 At the post office.
(สถานการณ์ที่5 ที่ทำการไปรษณีย์)

Suda : Hi, Malee. What are you doing today?
สุดา : สวัสดี มาลี คุณจะทำอะไรวันนี้

Malee : Hi. Suda. I'm going to the post office.
     Last night I wrote a letter to my family.

มาลี : สวัสดี สุดา ฉันจะไปที่ทำการไปรษณีย์
    เมื่อคืนก่อนฉันเขียนจดหมายถึงครอบครัวของฉัน

Suda : Oh! I would like to send a parcel and buy stamps, too.
สุดา : โอ้...ฉันอยากจะส่งพัสดุและซื้อแสตมป์ด้วย

Malee : Let's go. ..........
มาลี : งั่งไปกับเลย ....

Teller : What can I do for you madam?
พนักงาน : มีอะไรให้ผมช่วยผม คุณผู้หญิง?

Malee : I would like to send this letter to Thailand.
     How much will I pay for a stamp?
มาลี : ฉันอยากจะส่งจดหมายนี้ไปประเทศไทย.
     ค่าแสตมป์เท่าไหร์คะ?

Teller : Two U.S. dollars. Here it is.
พนักงาน : 2 ดอล์ลาร์ครับ

Malee : Thank you.
มาลี : ขอบคุณค่ะ

Teller : You're welcome.
พนักงาน : ความยินดีครับ

* * * * *

หน้า 75
Situation 6 (สถานการณ์ที่6)
Suda : Excuse me, I would like to send this parcel to Thailand.
สุดา : ขอโทษค่ะ ฉันต้องการส่งพัสดุไปประเทศไทย

Teller : Let me weigh your parcel.
พนักงาน : ขอผมชั่งน้ำหนักของพัสดุของคุณด้วยคครับ

Suda : How many days does it take from here to Thailand?
สุดา : ใช้เวลากี่วันมันถึงจะส่งจากที่นี่เป็นประเทศไทย?

Teller : About a week by air.
พนักงาน : ประมาณ 1 สัปดาห์ ทางอากาศครับ

Suda : How much do I have to pay?
สุดา : ฉันต้องจ่ายเงินเท่าไหร่ครับ?

Teller : 4 U.S. dollars.
พนักงาน : 4 ดอล์ลาร์ครับ

Suda : O.K. Thank you. Can I have an aerogramme
       and a postcard, please.?
สุดา : ได้ค่ะ ขอบคุณ ฉันขอซื้อกระดาษเขียนจดหมายแบบ
       ใช้ส่งทางอากาศและไปรษณียบัตรด้วยได้ไหม?

Teller : Here you are. It's 2 U.S. dollars.
พนักงาน : นี่ครับ ทั้งหมด 2 ดอล์ลาร์

Suda : Thank you. Goodbye.
สุดา : ขอบคุณค่ะ ...ลาก่อน

Teller : You're welcome.
พนักงาน : ความยินดีครับ

อธิบายเสริม
Aerogramme = กระดาษเขียนจดหมายแบบใช้ส่งทางอากาศ
ทำไมถึงควรใช้ Aerogramme?
เพราะ Aerogramme มีน้ำหนักที่เบาและบางกว่ากระดาษทั่วไป
ทำให้ประหยัดเงินและน้ำมันในการขนส่ง

* * * * *

13 ก.ย. 2554

ภาษาอังกฤษม.ต้น13

มาติดมากันต่อกับเรื่องราวของสุดากันต่อ
หน้า 71

Situation 2 At the Embassy
(สถานการณ์ที่2 ที่สถานฑูต)

Receptionist : Sawasdee Ka, anything I can do for you, Madame?
พนักงานต้อนรับ : สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยได้บ้างค่ะ?

Suda : I'm so glad, you can speak Thai.
สุดา: ฉันดีใจจังเลย คุณสามารถพูดภาษาไทยได้

Receptionist : Oh! I can speak and understand Thai
     just a little bit.
พนักงานต้อนรับ : โอ้ ฉันสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทย
     ได้แค่นิดหน่อย

Suda : I've lost my passport yesterday and I went to
     the police station to inform the matter.
     This is the police record.
สุดา: เมื่อวาน ฉันทำหนังสือเดินทางหานฉันได้ไป
     แจ้งความที่โรงพักแล้ว และนี่ใบแจ้งความ

Receptionist : Please wait for a few minutes.
     I will ask Mr.John at the consular Section to help you.
พนักงานต้อนรับ : กรุณารอสักครู่ค่ะ ฉันจะไปขอคุณจอห์น
    ที่ฝ่ายกงศุลให้ช่วยคุณค่ะ

Suda : Thank you for your help.
สุดา: ขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณค่ะ

Receptionist : It's my pleasure.
พนักงานต้อนรับ : ด้วยความยินดีค่ะ

* * * * *

หน้า 72
John : Hello. What can I do for you?
จอห์น : สวัสดีครับ มีอะไรที่ผมสามารถช่วยคุณได้ครับ?

Suda : Hello. I need your help. Yesterday I lost my passport.
     This is the police record.
สุดา : สวัสดีค่ะ... ฉันต้องการความช่วยเหลือ เมื่อวานฉันทำ
     หนังสือเดินทางหาย และนี่ค่ะใบแจ้งความ

John : Don't worry; you can get a new one. You should fill the data
    in the application form, the attach with these documents.
จอห์น : ไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณจะไปรับหนังสือใหม่ (แต่)
   คุณควรกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม เพื่อแนบกับเอกสารอื่น
เช่น
_1)  Police record (ใบแจ้งความ)
_2) Census registration (เอกสารลงทะเบียนสำมะโนประชากร)
_3) I.D. card (บัตรประจำตัวประชาชน)
_4) 2 of your photographs, size 2 1/2 inch (รูปถ่ายของคุณ ขนาด 2 นิ้วครึ่ง)


Suda : When will I get my new passport?
สุดา : แล้วเมื่อไหร่ฉันถึงจะได้หนังสือเดินทางเล่มใหม่?

John : About five days.
จอห์น : ประมาณ 5 วันครับ

Suda : Thank you very much for your kindness.
สุดา : ขอบคุณมากสำหรับความกรุณาของคุณค่ะ

John : You're welcome.
จอห์น : ด้วยความยินดีครับ

อธิบายเสริม

ในประโยค you can get a new one.
คำว่า one ใช้เป็นสรรพนาม(pron.) แทนคำว่า passport

* * * * *

หน้า 72 -73

Situation 3 At the bank
(สถานการณ์ที่3 ที่ธนาคาร)

Malee : Good morning, Suda. I'm going to the bank.
   Would you like to join me?
มาลี : สวัสดี สุดา ฉันจะไปธนาคาร
   คุณต้องการไปกับฉันหรือเปล่า?

Suda : Of course, I would like to open my account too.
สุดา : ได้ซิ ฉันอยากจะเปิดบัญชีใหม่ด้วย

Teller : Good morning. What can I do for you?
พนังงาน : สวัสดีครับ มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?

Suda : I would like to open my account.
สุดา : ฉันอยากจะเปิดบัญชีใหม่ค่ะ...

Teller : Fill out this form, please. Sign your name here.
พนังงาน : ช่วย..กรอกแบบฟอร์มนี้ด้วยครับ แล้วเซ็นชื่อตรงนี้

Suda : I would like to deposit two hundred U.S. dollars
     for this new account.
สุดา : ฉันต้องการฝากเงิน 200 ดอล์ลาร์ในบัญชีใหม่นี้

Teller : Please fill out the deposit slip. .................
พนังงาน : ช่วย..กรอกข้อมูลในใบนำฝากด้วยครับ

Teller : Here's your account, please check your name again.
พนังงาน : นี่ครับ...สมุดบัญชีของคุณ แล้วช่วยตรวจสอบชื่อด้วยครับ

Suda : That's correct. Thank you.
สุดา : ถูกต้องแล้วค่ะ ขอบคุณ

Teller : You're welcome.
พนังงาน : ด้วยความยินดีครับ

อธิบายเสริม
คำว่า ต้องการหรืออยากจะ ในภาษาอังกฤษมีใช้อยู่หลายคำ
แต่มีที่พบมาก ได้แก่

Want เป็นกริยาแท้ แสดงความต้องการแบบทั่วไป เช่น
   He wants to buy a new car.  เขาต้องการซึ้อรถคันใหม่
  We want to go shopping.   พวกเราต้องการไปซื้อของ

เมื่อต้องการเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม
ต้องนำ Do หรือ Does มานำหน้าประโยค
  Does he want to buy a new car?
  Do we want to go shopping

would like to เป็นกริยาช่วย แสดงความต้องการ
แบบมีความสุภาพมากกว่า
     He would like to buy a new car.
เมื่อต้องการเปลี่ยนเป็นประโยคคำถาม
ให้นำ Would ย้ายมานำหน้าประโยค
  Would he like to buy a new car?

* * * *

ภาษาอังกฤษม.ต้น12

ไม่ให้เสียเวลามาดูกันต่อ
หน้า 68

Waiter : Could I help you, Madam?
พนักงานเสริฟ : มีอะไรให้ผมช่วยครับ คุณผู้หญิง?

Siriporn : Yes, please. I'm hungry. What is your advice?
ศิริพร : ค่ะ ฉันกำลังหิว คุณมีอะไรนำแนะบ้าง?

Waiter : Today specials are hot curry with fish ball,
   fried rice with garlic pork sausages and super fried noodle
   with seafood gravy. What would you like, Madam?
พนักงานเสริฟ : อาหารพิเศษวันนี้เป็นแกงเผ็ดลูกชิ้นปลา,
   ข้าวผัดกับไส้กรอกอีสานและราดหน้าทะเลพิเศษ

Siriporn : Um… Fried rice with garlic pork sausages, please.
     Will I have a small Tomyamkung as well.
ศิริพร : อืมม... ขอเป็นข้าวผัดกับไส้กรอกอีสานคะ
     แล้วขอต้มยำกุ้งเล็กด้วย

Waiter : Certainly, Madam. And what would you like for drink,
    soft drink or coffee or Chinese tea?
พนักงานเสริฟ : ได้ครับ, คุณผู้หญิง แล้วคุณต้องการดื่มอะไร
    เครื่องดื่มที่ไม่มีอัลกอฮอร์, กาแฟ, หรือชาจีนครับ?

Siriporn : I prefer cold water.
ศิริพร : ฉันชอบน้ำเย็น

Waiter : Is that all, Madame?
พนักงานเสริฟ : เท่านี้ใช่ไหมครับ, คุณผู้หญิง?

Siriporn : Correct.
ศิริพร : ใช่ค่ะ

Waiter : All right. I'll read your list again. One fried rice
    with garlic pork sausages, a small Tomyamkung
    and cold water, right.
พนักงานเสริฟ : ได้ครับ ผมขออ่านทบทวนรายการอีก
    ครั้งมีข้าวผัดกับไส้กรอกอีสาน, ต้มยำกุ้งเล็ก, น้ำเย็น

Siriporn : Correct.
ศิริพร : ใช่ค่ะ

Waiter : I'll serve you just a minute.
พนักงานเสริฟ : ผมจะมาเสริฟให้อีกสักครู่ครับ

* * * * *

หน้า 70-71

Situation 1 At the police station
(สถานการณ์ที่1  ที่สถานีตำรวจ)

Suda : Malee, I lost my passport. What can I do?
สุดา : มาลี ฉันทำหนังสือเดินทางหาย ฉันควรทำอะไรดี

Malee : You should go to the police station
     to inform about this matter.
มาลี : เธอควรที่ไปที่สถานีตำรวรเพื่อแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องนี้

Policeman : Good morning, Madame.
    Are there anything I can do for you?
ตำรวจ : สวัสดีครับ คุณผู้หญิง มีอะไรให้ผมช่วยครับ?

Suda : Good morning, Sir. I lost my passport at the bus terminal.
สุดา : สวัสดีค่ะ ฉันทำหนังสือเดินทางหายที่สถานีรถประจำทาง

Policeman : When did it happen?
ตำรวจ : มันเกิดขึ้นตอนไหนครับ?

Suda : It was yesterday night about 10 o'clock.
สุดา : มันเป็นเมื่อวานกลางคืนประมาณ 10 โมง

Policeman : What's your name?
ตำรวจ : คุณชื่ออะไรครับ?

Suda : I'm Suda Boonma.
สุดา : ฉันชื่อสุดา บุญมา

Policeman : Let me see your I.D. card, please.
ตำรวจ : ขอผมดูบัตรประจำตัวประชาชน ด้วยครับ

Suda : Here it is.
สุดา : นี่ค่ะ

Policeman : Where do you stay?
ตำรวจ : คุณพักอยู่ที่ไหนครับ?

Suda : I stay in King Street near the central market.
สุดา : ฉันอยู่ที่ King Street ใกล้ตลาดกลาง

Policeman : Here's police record. You should bring
     this record to the embassy to reissue your passport.
ตำรวจ : นี้เป็นใบแจ้งความ คุณสามรถนำ
     ใบแจ้งความนี้เป็นที่สถาฑูตเพื่อทำหนังสือเดินทางใหม่ได้

Suda : Thank you very much, goodbye.
สุดา : ขอบคุณมากค่ะ, สวัสดี

Policeman : You're welcome.
ตำรวจ : ด้วยความยินดีครับ

อธิบายเสริม
1. I.D. card ย่อมาจาก Identification Card
    = บัตรประจำตัวประชาชน
   I.D. No. ย่อมาจาก Identification Number
    = เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน
2. คำว่า King Street นี้ที่นี้เป็นชื่อเฉพาะ เราไม่จำเป็นต้อง
    แปลความหมายเป็นภาษาไทยก็ได้ ชื่อเฉพาะ
    เราสังเกตจากจะขึ้นด้วยตัวใหญ่ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในประโยค

* * เรื่องราวของสุดาจะเป็นอย่างไรต้องดูต้องในตอนหน้า * *

ภาษาอังกฤษม.ต้น11

มาดูภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ของมัธยมต้นกันบ้าง

หน้า 66

Situation 1 At the Department Store
(สถานการณ์ที่ 1 ที่ห้างสรรพสินค้า)

Salesgirl : Hello. What can I do for you?
พนักงานขายหญิง : สวัสดีคะ มีอะไรที่ฉันจะช่วยได้ไหมค่ะ?

Malee : Hello. I'm looking for a jacket.
มาลี : สวัสดีคะ ฉันกำลังมองหาเสื้อแจ็ตเก็ตสักตัว

Salesgirl : How about this one?
พนักงานขายหญิง: ตัวนี้เป็นยังไงคะ?

Malee: What size is it?
มาลี : มันเป็นขนาดอะไร?

Salesgirl : It's a large size.
พนักงานขายหญิง : มันเป็นขนาดใหญ่

Malee : Can I try?
มาลี : ฉันลองใส่ได้ไหม?

Salesgirl : Sure.
พนักงานขายหญิง: ได้ค่ะ

Malee : It's a little bit large.
มาลี : มันใหญ่เกินไปนิดหน่อย

Salesgirl : This is a medium size.
พนักงานขายหญิง : ตัวนี้เป็นขนาดกลางคะ

Malee : Medium size will do. I will take the black one.
     How much is it?
มาลี : ขนาดกลางจะดีกว่า ฉันอยากได้เสื้อสีดำ
     ราคาเท่าไหร่หรือค่ะ?

Salesgirl : Twenty-five dollars
พนักงานขายหญิง : 25 ดอลลาร์

Malee : Here's the money.
มาลี : นี้..เงินค่ะ

Salesgirl : Please wait for a moment. …..
    Here's your jacket and change.
พนักงานขายหญิง : กรุณารอสักครู่นะคะ ....
    นี้เสื้อแจ็ตเก็ตและนี้เงินทอน

Malee : Thank you.
มาลี : ขอบคุณค่ะ

Salesgirl : You're welcome.
พนักงานขายหญิง : ด้วยความยินดีค่ะ..

อธิบายเสริม
1. ในประโยค How about this one? และ
     I will take the black one.
คำว่า one ไม่ได้แปลว่า หนึ่ง แต่ one ในที่นี้เป็น
คำสรรพนามตัวหนึ่งที่ใช้ในภาษาอังกฤษ แทนคำว่า jacket
2. คำว่า change โดยปกติเป็นคำกริยา(v) = เปลื่ยนแปลง
    แต่ในที่นี่ ใช้เป็นคำนาม(n.) = เงินทอน

* * * * *

หน้า 67
Situation 2 At the Jewelry Shop
(สถานการณ์ที่2 ที่ร้านเพ็ชร)

Salesgirl : Good morning. What can I do for you, Miss?
พนักงานขายหญิง : สวัสดี(ตอนเช้า) มีอะไรให้ฉันช่วยค่ะ, คุณ?

Miss Kaewta : Of course. I'm looking for a set of
    emerald earrings, ring and necklace.
แก้วตา : คะ.. ฉันกำลังมองหาชุดต่างหู, แหวน,
   สร้อยคอที่เป็นมรกตอยู่

Salesgirl : Which design would you like, the classic,
    the modern or the fancy one?
พนักงานขายหญิง : คุณชอบการออกแบบในแบบคราสสิก,
    แบบทันสมัย หรือแบบสวยน่ารัก...คะ?

Miss Kaewta : Could I look around first, then I'll decide.
แก้วตา : ขอฉันดูรอบๆก่อนได้หรือเปล่าคะ? แล้วฉันค่อยตัดสินใจ

Salesgirl : Certainly, Miss If any set meets your consideration,
     please let me know.
พนักงานขายหญิง : ได้คะ..คุณ ถ้าคุณตัดสินใจเลือกชุดไหน
     กรุณาบอกฉัน

Miss Kaewta : Sure!
แก้วตา : ได้คะ

…..After 10 minutes past……
….. หลังจากผ่านไป 10 นาที …..

Miss Kaewta : Hello! I would like to see these two sets,
     the small one at the right corner and the medium one
     in the middle of the showcase.
แก้วตา : ฉันอยากดู 2 ชุด คือ ชุดเล็กที่มุมขวากับ
    ชุดกลางที่ตรงกลางของตู้โชว์

Salesgirl : A moment, please. Here you are. You can try both.
พนักงานขายหญิง : สักครู่คะ... นี่คะ คุณสามารถลองใส่ได้ทั้งคู่

Miss Kaewta : Umm…I prefer the small one. I think it will
      get along well with my night silk dress. How much is it?
แก้วตา : อืมม... ฉันชอบชุดเล็ก ฉันคิดว่ามันเข้ากันได้ดีกับ
     ชุดผ้าไหมสีดำของฉัน แล้วมันราคาเท่าไหร่?

Salesgirl : Full prize is 78,000 baht. You'll get the discount of
      10%. So it will cost you 70,200 baht.
พนักงานขายหญิง : ราคาเต็มที่ 78,000 บาท คุณได้ส่วนลด
      10 % ดังนั้นเป็นเงิน 70,200 บาท

Miss Kaewta : Can I pay with credit card?
แก้วตา : ฉันจ่ายเป็นบัตรเครคิตได้หรือเปล่า?

Salesgirl : Of course.
พนักงานขายหญิง : ได้ค่ะ

Miss Kaewta : Here you are.
แก้วตา : นี่คะ

Salesgirl : Wait a minute, please.
พนักงานขายหญิง : กรุณาขอสักครู่ ……

Salesgirl : Here your emerald set and credit card.
     Please sign the slip. Thank you and come here again.
พนักงานขายหญิง : นี่ชุดมรกตและบัตรเครคิต
    ช่วยเซ็นชื่อที่ใบเสร็จ ขอบคุณค่ะและมาที่นี้อีกนะคะ

Miss Kaewta : I will. Goodbye.
แก้วตา : ได้... สวัสดีค่ะ

Salesgirl : Goodbye.
พนักงานขายหญิง : สวัสดีค่ะ

* * * * *