7 ก.พ. 2555

สรุปเนื้อหาภาษาอังกฤษ9

ส่วนนี้เป็นสรุปเนื้อหา วิชาภาษาอังกฤษ ที่สอนในวันที่ 5 กพ 2555
โดยนำมาจาก Power Point ตรงก็ต้องบอกว่าว่า น่าเสียดายมาก
สำหรับคนที่ไม่ได้มาเข้าเรียน  เพราะว่าไม่ได้ดูของจริง ไม่ได้
ฟังเสียงอ่านประโยค แต่ก็ไม่เป็นไรดูสรุปแบบเดิมไปก่อนนะ

สรุปเนื้อหาหลักไวยกรณ์ภาษาอังกฤษเรื่อง Tenses

Tenses คือ รูปของคำกริยาที่ทำให้ทราบว่าเหตุการณ์ต่างๆ
นั้นเกิดขึ้นในเวลาใด แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลาใหญ่ คือ
ปัจจุบัน (Present)  อดีต (Past) และ  อนาคต (Future)

1. Present Simple Tense
รูปประโยค
  ประธาน + กริยาช่องที่ 1(s, es)
  Subject + V1(s, es)
ตรงนี้ต้องจำ s, es ใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่3 เช่น
 He, She, It, ชื่อสิ่งต่างๆ

ใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบัน...
1. ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
2. ที่เป็นปกตินิสัย, เป็นกิจวัตร
3. เป็นอาชีพหรือสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

ตัวอย่างคำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้
คำกริยาวิเศษณ์เหล่านี้  ใช้เพื่อแสดงถึงความถี่ของการกระทำ
often บ่อยๆ
always เสมอๆ
sometimes บางครั้ง
usually โดยปกติ
generally โดยปกติ
normally โดยปกติ
frequently บ่อยๆ
rarely แทบจะไม่, นานๆ ครั้ง
seldom แทบจะไม่,นานๆครั้ง
scarcely แทบจะไม่,นานๆ ครั้ง
hardly แทบจะไม่เคย

never ไม่เคย
occasionally บางโอกาส
once a week สัปดาห์ละครั้ง
twice a week สองครั้งต่อสัปดาห์
every day ทุกวัน
every night ทุกวัน
every month ทุกเดือน
every year ทุกปี
every other day วันเว้นวัน

ตัวอย่างประโยค
ขอให้นักศึกษาสังเกตที่คำกริยาและประธานในแต่ละประโยค
เขาเป็นครูที่ดี
   He is a good teacher.
ฉันเป็นนางพยาบาลคนใหม่
   I am a new nurse.
พวกเขาเป็นนักท่องเที่ยว
   They are tourists.

มานีเป็นน้องสาวของฉัน
   Manee is my sister.
ประเทศจีนใหญ่กว่าประเทศไทย
   China is bigger than Thailand.

เธอต้องการไปประเทศเกาหลี
   She wants to go to Korea.
ฉันเล่นเทนนิสหลังจากเลิกเรียนเสมอ
   I always play tennis after school.

พวกเราไม่ไปซื้อของกับเธอ
   We don’t go shopping with her.
ตรงนี้ต้องจำ do not หรือ don’t ใช้กับประธานพหูพจน์

ฉันไปเยี่ยมลุงของฉันปีละ 2 ครั้ง
   I visit my uncle twice a year.
เธอนอนดึกทุกคืน
   She sleeps late every night.
พ่อของฉันดูโทรทัศน์ทุกเช้า
   My father watches the television every morning.
เขาไปหาหมอทุกสัปดาห์
   He goes to visit a doctor every week.

เขาไม่ได้ไปหาหมอทุกสัปดาห์
   He doesn’t go to see a doctor every week.
ตรงนี้ต้องจำ does not หรือ doesn’t ใช้กับประธานเอกพจน์

พวกเราต้องการจะซื้อบ้านหลังเล็กๆ
   We want to buy a small house.
เขาสามารถซ่อมเก้าอี้ที่พังได้
  He can repair a broken chair.
มานพชอบการว่ายน้ำแต่เขาไม่ชอบการวิ่ง
   Manop likes swimming but he doesn’t like running.

พวกเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
   They don’t care about anything.
เดือนมกราคมมี 31 วัน
   January has 31days.
ตรงนี้ต้องจำ has = มี ใช้กับประธานเอกพจน์

พวกเราทานมื้อเช้าด้วยกันบ่อยๆ
   We often have breakfast together.
ตรงนี้ต้องจำ have ใช้กับประธานพหูพจน์

เธอมีน้องสาวหลายคน
   She has many sisters.
เธอไม่มีน้องชายสักคน
   She doesn’t have any brother.
ตรงนี้ต้องจำ หลังคำกริยาช่วยต้องเป็นคำกริยาแท้ช่องที่ 1
ที่ไม่มีการเปลี่ยนรูปหรือไม่ผันรูป

เขาสูบบุหรี่
   He smokes cigarette.
เขาไม่ควรบุหรี่
  He should not smoke cigarette.

ตรงนี้ต้องจำ
   should = ควรจะ เป็นคำกริยาช่วย
   should not หรือ shouldn’t = ไม่ควรจะ

2. Present Continuous Tense
รูปประโยค
  ประธาน + is/am/are + คำกริยา ing
  Subject + is/am/are + V ing
ตรงนี้ต้องจำ V ing แปลได้ 2 อย่าง คือ
   กำลังทำ... หรือ การ... (ถ้าใช้เป็นคำนาม)

ใช้กับเหตุการณ์
1. ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้/ตอนนี้
2. ที่จะเกิดในอนาคตและมักมีคำที่บอกเวลาในอนาคต

ตรงนี้ต้องจำ
   isใช้กับประธานเอกพจน์บุรุษที่3
   am ใช้กับ I เท่านั้น
   are ใช้กับประธานพหูพจน์

ตัวอย่างประโยค
เขากำลังอ่านหนังสือในห้องของเขา
   He is reading a book in his room.
ฉันกำลังฟังข่าวด่วนอยู่
   I am listening to the breaking news.
พ่อของฉันกำลังวิ่งอยู่ในสวน
   My father is running in the garden.

* * * * *

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น