23 ส.ค. 2554

ศาสนาและหน้าที่พลเมือง07

ตอนนี้มาดูคำถาม-คำตอบเกี่ยวศาสนาคริสต์ กันบ้าง

1. ประวัติของพระเยซู โดยสรุป

   พระเยซูมีเชื้อชาติยิว คริสต์ศาสนาถือว่า วันสมภพ คือ 
   25 ธันวาคม ค.ศ. 1 (เป็นปีที่ 1 แห่งคริสต์ศักราช ) ณ หมู่บ้านเบธเลเฮม
  แคว้นยูดา ในดินแดนปาเลสไตน์ (อิสราเอล ในปัจจุบัน) เป็นช่วงที่
  อาณาจักรโรมันเจริญถึงขีดสุดภายใต้การนำของพระเจ้าซีซาร์
  พระเยซู มารดาชื่อ มาเรีย บิดาชื่อ โจเซฟ เป็นคนเชื้อสายยิว
  อาศัยอยู่ที่เมืองนาซาเรธ ในสมัยนั้นมีคำทำนายว่า "กษัตริย์แห่ง
  ชนชาติยิวได้บังเกิดขึ้นแล้ว" กษัตริย์เฮร็อค ผู้ครองแคว้นยูดาย
  ทรงทราบจึงรับสั่งให้ประหารชีวิตเด็กชายที่เกิดในเมืองเบธเลเฮม
  ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น โจเซฟได้พาภรรยาและบุตรหลบหนี จนกระทั่ง
  กษัตริย์เฮร็อคเสียชีวิตลง พระเยซูก็ เติบโตขึ้นและด้วยความสนใจใฝ่
  หาความรู้ทางศาสนา เมื่ออายุ 30 ปี ได้พบกับนักบุญจอห์น ผู้เผยแพร่
  ศาสนายิวและได้รับศีลจุ่ม (แบพติสต์ ) จากจอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน
  นับแต่นั้นมาพระเยซูก็ได้ชื่อว่า พระเยซูคริสต์ (Jesus Christ)


  พระเยซูคริสต์ เริ่มประกาศคำสอนโดยรับเอาความเชื่อศาสนายิวเป็น
  หลักปฏิบัติและเป็นคำสอนที่สำคัญอันหนึ่งเรียกว่า "เทศนาบนภูเขา"
  พระเยซูส่งสาวกออกไปเผยแพร่คำสอนอันถือเป็นพระวจนะของพระเจ้า
  จนได้รับความนิยมจากชาวยิว และเชื่อว่าพระเยซูเป็นเมสสิอาห์ของยิว
  ต่อมานักบวชชาวยิวกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับพระเยซูถือว่ามาปฏิวัติศาสนา
  และเป็นผู้สร้างคำสอนใหม่ให้ศาสนา จึงพยายามหาทางกำจัดโดยกล่าวหา
  พระเยซูว่าพยายามซ่องสุมผู้คน เพื่อ กบฎชาวโรมันอันเป็นที่มาของการถูก
  ทหารโรมันจับตรึงไม้กางเขนจนถึงแก่ชีวิต เมื่ออายุ 33 ปี โดยประกาศ
  คำสอนได้เพียง 3 ปี เท่านั้น พวกสาวกที่เลื่อมใสพระเยซูก็ตั้งเป็นศาสนา
  ใหม่ขึ้น เรียกว่า " ศาสนาคริสต์ "

2. แนวคิดสำคัญๆในศาสนาคริตส์ มีอะไรบ้าง
   1. จุดหมายปลายทาง สวรรค์ (อยู่กับพระเจ้า)
   2. วิธีปฏิบัติ ทำตามบัญญัติของพระเจ้าซึ่งพระเยซูย่อลงมาเหลือ
      2 ข้อบ้าง 5 ข้อบ้าง 6 ข้อบ้างและเติมอีกข้อหนึ่งคือให้ทานแก่คนอนาถา
   3. ชีวิตในโลกนี้ มีเพียงครั้งเดียว
   4. ศาสนาคริตส์เชื่อว่ามนุษย์ตายแล้ววิญญาณยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่ที่
      ศพคอยวันพิพากษาและจะกลับเข้าสู่ร่างศพฟื้นออกจากหลุมฝังศพ
      เมื่อเทพบริวารของพระเจ้าเป่าแตรแล้วพากันไปฟังคำพิพากษาจาก
      พระเจ้า ถ้าใครมีบาป ก็จะตกนรกชั่วนิรันดร์ ถ้าใครมีความดีมาก
      ก็ได้ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้า
3. ไตรเอกานุภาพ หรือ ตรีเอกภาพ หมายถึงสิ่งใด
   1. พระเจ้า หรือพระบิดา (The Father)
   2. พระบุตร (The son)
   3. พระจิต (The Holy spirit)
4. การทำความเคารพบูชาต่อไม้กางเขน มีวิธีการอย่างไร
   การทำความเคารพบูชาต่อไม้กางเขน วิธีทำคือ
  1. ยกมือขวาแตะหน้าผาก กล่าวว่า ขอเดชะพระบิดา
  2. ลดมือขวาลงมาแตะหน้าอก กล่าวว่า พระบุตร
  3. ยกมือขวาไปแตะที่บ่าซ้าย แล้วย้ายมาบ่าขวา กล่าวว่า พระจิต
  4. ประสานมือไว้ที่หน้าอกแล้วกล่าวว่า อา เมน (A Men) ซึ่งหมายความว่า
     ขอบุญกุศลนี้จงบันดาลให้พระเจ้าสถิตอยู่กับข้าพเจ้าในกาลทุกเมื่อ

5. ศาสนาคริสต์ (Christianity) เป็นศาสนาแห่งความรัก เพราะเหตุใด
    เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์ ทรงรักประชากรของพระองค์ ทรงสร้าง
    สัตว์ต่างๆขึ้นมาเพื่อรับใช้ เป็นอาหารแก่มนุษย์ และทรงให้มนุษย์
    ลงสู่นรกเมื่อไม่ศรัทธาในพระเจ้า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่นับถือ
    ศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและทุกสิ่ง
    รวมถึงมนุษย์โดยใช้เวลาเพียง 6วัน

6. คัมภีร์สำคัญในศาสนาคริสต์ เรียกว่า อะไร
    พระคริสตธรรมคัมภีร์หรือคัมภีร์ไบเบิล (The Bible)
7. ศาสนาคริสต์มีรากฐานมาจากศาสนาใด
    ศาสนายูดาห์ (หรือศาสนายิว)
8. ความเชื่อเกี่ยวกับการมาเกิดของพระเยซู มีว่าอย่างไร
    โดยสรุป มีความเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า
    ที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์ จากหญิงพรหมจรรย์ (สาวบริสุทธิ์) โดย
    ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เพื่อไถ่มนุษย์ให้พ้นจากความบาปโดย
    การสิ้นพระชนม์ที่กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายใน
    สามวันหลังจากนั้น และเสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์
   ของพระบิดา ผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระองค์จะได้รับการอภัยโทษบาป

9. นิกายสำคัญๆในศาสนาคริสต์ มีกี่นินาย
    มี 3 นิกาย คือ
   1. นิกายโรมันคาทอลิกแปลว่าสากล เป็นนิกายดั้งเดิมที่ยึดมั่นใน
   หลักคำสอนของพระเยซูคริสต์เคารพพระนางมารีย์และนักบุญต่างๆ
  ภายในโบสถ์ของนิกายนี้จะมีรูปเคารพพระเยซูคริสต์ พระแม่มารีย์
  และนักบุญต่างๆ มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครรัฐวาติกัน มี
  พระสันตะปาปาเป็นประมุข โดยถือว่านักบุญเปโตรหรือนักบุญปีเตอร์
  คือพระสันตะปาปาพระองค์แรก มีนักบวช เรียกว่าบาทหลวง และผู้อุทิศตน
  ทำงานให้ศาสนจักรถ้าเป็นชายเรียกว่าบราเดอร์ (brother) หญิงเรียกว่า
  ซิสเตอร์ (sister) ชาวไทยจะเรียกผู้นับถือนิกายนี้ว่า "คริสตัง"

  2. นิกายออร์โธด็อกซ์แปลว่าถูกต้อง นับถือในประเทศทางฝั่งยุโรป
  ตะวันออก เช่น กรีซ รัสเซีย โดยแยกตัวออกไปจากศาสนจักรตะวันตก
  เพราะไม่อยากอยู่ภายใต้อำนาจของสันตะปาปาซึ่งมีอำนาจมากสูงกว่า
  กษัตริย์ ในสมัยนั้น โดยที่มิได้เปลี่ยนแปลงข้อความเชื่อ ข้อความเชื่อ
  ของนิกายออทอดอกซ์เหมือนกับข้อความเชื่อของนิกายโรมันคาทอลิก
  มีอัครบิดรเป็นประมุข นิกายออทอดอกซ์ยังมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
  คริสตจักร (หรือศาสนจักร) ตะวันออก

  3. นิกายโปรเตสแตนต์ แยกตัวมาจากนิกายโรมันคาทอลิกในช่วง
  คริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นนิกายที่ถือว่าศรัทธาของแต่ละคนที่มีต่อ
  พระเจ้าสำคัญกว่าพิธีกรรม ซึ่งยังแตกย่อยออกเป็นหลายร้อยคณะ
  เนื่องจากมีความเห็นแตกต่างเกี่ยวกับพระคัมภีร์ และการปฏิบัติในพิธีกรรม
  นิกายนี้ไม่มีนักบวช เชื่อว่าทุกคนสามารถเข้าถึงพระเจ้าได้โดยมิต้อง
  อาศัยบาทหลวงและถือว่าพระเยซูได้ทรงไถ่บาปแก่ศาสนิกทุกคนไป
  เมื่อถูกตรึงกางเขนแล้ว นิกายนี้มีเพียงไม้กางเขนเป็นเครื่องหมาย
  แห่งศาสนา ชาวไทยจะเรียกผู้นับถือนิกายนี้ว่า "คริสเตียน"

10. ศาสนาคริสต์ได้เข้ามาในประเทศไทย เมื่อใด
   ศาสนาคริสต์ได้เข้ามาในประเทศไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา
   ในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชา ประมาณปี พ.ศ. 2127
   นิกายโรมันคาทอลิกเป็นนิกายแรกที่เข้ามา โดยคณะโดมินิกัน,
   คณะฟรังซิสกัน, คณะเยซูอิต

11. พิธีกรรมสำคัญในศาสนาคริสต์ ได้แก่อะไรบ้าง
   พิธีกรรมสำคัญในศาสนาคริสต์ที่สำคัญๆอยู่ 7 พิธี
   เรียกว่า พิธีรับศีลศักดิ์สิทธิ์(The Seven Sacraments) มีดังนี้
   1. ศีลล้างบาป (Baptism) หรือการรับบัพติสมา เป็นพิธีแรกที่คริสตชน
       ต้องรับ โดยบาทหลวงจะใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์เทลงบนศีรษะพร้อม
       เจิมน้ำมันคริสมาที่หน้าผาก
   2. ศีลอภัยบาป (Confirmation) เป็นการสารภาพบาปกับพระเจ้า
       โดยผ่านบาทหลวง บาทหลวงจะเป็นผู้ตักเตือนสั่งสอนไม่ให้
       ทำบาปนั้นอีก และทำการอภัยบาปให้ในนามพระเจ้า
   3. ศีลมหาสนิท (Eucharist) เป็นพิธีกรรมรับศีลโดยรับขนมปัง
       และเหล้าองุ่นมารับประทาน โดยความเชื่อว่าพระกายและ
       พระโลหิตของพระเยซู
   4. ศีลกำลัง เป็นพิธีรับศีลโดยการเจิมหน้าผาก เพื่อยืนยันความเชื่อ
       ว่าจะนับถือศาสนาคริสต์ตลอดไปและได้รับพระพรของพระจิตเจ้า
      ทำให้เข้มแข็งในความเชื่อมากขึ้น
   5. ศีลสมรส (Martrimony) เป็นพิธีประกอบการแต่งงาน โดยบาทหลวง
       เป็นพยาน เป็นการแสดงความสัมพันธ์ว่าจะรักกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่
   6. ศีลบวช (Ordination) สงวนไว้เฉพาะผู้ที่จะบวชเป็นบาทหลวง
       และเป็นชายเท่านั้น
   7. ศีลเจิมคนไข้ (Anointing of the Sick) เป็นพิธีเจิมคนไข้โดยบาทหลวง
      จะเจิมน้ำมันลงบนหน้าผากและมือทั้งสองข้างของผู้ป่วย ให้ระลึกว่า
      พระเจ้าจะอยู่กับตนและให้พลังบรรเทาอาการเจ็บป่วย

   สำหรับนิกายโรมันคาทอลิกและนิกายออร์ทอดอกซ์ จะมีพิธีกรรมทั้ง
   7 พิธี แต่สำหรับนิกายโปรเตสแตนต์ จะมีเพียง 3 พิธีคือพิธีบัพติสมา,
   พิธีมหาสนิท และ พิธีสมรสศักดิ์สิทธิ์

12. ศาสนาคริสต์เกิดหลังพุทธศาสนา กี่ปี
      543 ปี
13. หลักตรีเอกานุภาพ (Trinity)หรือ ตรีเอกภาพ หมายถึง อะไร
      ความเชื่อว่าพระเจ้าทรง มี 3 ภาค คือ
   1. พระบิดา (The Father) หมายถึง พระเจ้าผู้สถิตอยู่ในสวรรค์
       ผู้ทรงสร้างโลก สรรพสิ่ง และมนุษย์
   2. พระบุตร (The Son) หมายถึง พระเยซูคริสต์ซึ่งมีฐานะเป็นพระบุตร
       ของพระเจ้าผู้เสด็จมาในโลกเพื่อไถ่บาปแก่มนุษย์
   3. พระจิต หรือพระวิญญาณบริสุทธิ์ (The Holy Spirit) หมายถึง
      พลังอำนาจของพระเจ้าอันเป็นพลังแห่งความรักที่เชื่อมพระบิดา
      กับพระบุตรเข้าด้วยกัน และเป็นพลังอำนาจของพระเจ้าที่ทรง
     แสดงต่อมนุษย์เพื่อดลบันดาลให้มนุษย์กลับใจมาประพฤติปฏิบัติ
     ตามแนวทางของพระเจ้าพระคริสต์ธรรมใหม่

14. หลักแห่งความรัก (Love หรือ Agape) ในศาสนาคริสต์เป็นอย่างไร
   หลักความรักเป็นหลักคำสอนทางจริยธรรมที่สำคัญที่สุดของ
   ศาสนาคริสต์ ความรักในที่นี้มิใช่ความรักอย่างหนุ่มสาวอันประกอบ
   ด้วยกิเลสตัณหาและอารมณ์ปรารถนาอันเห็นแก่ตัว แต่หมายถึง
   ความเป็นมิตรและความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ความรักแบ่ง
   เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ความรักระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า และ
   ความรักระหว่างมนุษย์กับมนุษย์

15. หลักความศรัทธา 5 ประการในศาสนาคริสต์ มีอะไรบ้าง
   1. ศรัทธาว่าพระเจ้าคือพระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว
   2. ศรัทธาว่าพระเจ้าทรงรักมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน
   3. ศรัทธาว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า
   4. ศรัทธาว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
   5. ศรัทธาในแผ่นดินสวรรค์หรืออาณาจักรของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง

16. สัญลักษณ์สำคัญของศาสนาคริสต์ คือ สิ่งใด
   ในคริสต์ศาสนาทุกนิกายใช้เครื่องหมายเหมือนกันคือ ไม้กางเขน
   เดิมไม้กางเขนเป็นเครื่องมือสำหรับประหารชีวิตนักโทษในปาเลสไตน์
   คริสต์ศาสนาจึงถือว่า ไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์แห่งการเสียสละ
   อันยิ่งใหญ่นิรันดรของพระเจ้า

* * * * *

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น